ตลาดหุ้นในจุดรอดูปัจจัยใหม่ๆ โดยเฉพาะเงินเฟ้อสหรัฐศุกร์นี้
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 0.2% การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากนักลงทุนรอดูผลประกอบการกลุ่ม Tech ที่จะทยอยประกาศในสัปดาห์นี้ ด้านราคานํ้ามันดิบ BRT ปิดบวก 1.3% คาดหวังแรงหนุนจากอุปสงค์ในจีน
Market Outlook
ภาพรวมการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์เสี่ยงเมื่อคืนค่อนข้างอยู่ในกรอบแคบๆ โดยนักลงทุนรอดูเงินเฟ้อสหรัฐฯ (PCE) ในวันศุกร์ เบื้องต้น Bloomberg Consensus ประเมินใว้ที่ 0.3%MoM สําหรับเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน) หากรายงานแล้วตากว่าตลาดประเมินไว้จะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น ส่วนคืนนี้รอติดตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐฯ Bloomberg ประเมินไว้ที่ 104.1 พร้อมกับยอดขายบ้านมือหนึ่ง Bloomberg ประเมินไว้ที่ 6.3 แสนหลังคาเรือน ในขณะที่เมื่อคืนการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 และ 10 ปี ปรับตัวลงพร้อมกับ Dollar Index ที่ย่อตัวลง บ่งชี้ว่านักลงทุนเริ่มเก็งว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะออกมาในทิศทางคลี่คลาย ส่วน CME FED Watch ล่าสุดยังคงให้น้ำหนัก 90% ที่ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% และเป็นจุดสูงสุดแล้ว หาก FED ส่งสัญญาณยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ยตามตลาดประเมินไว้ มองว่าแม้จะไม่ได้สร้างความ ประหลาดใจต่อตลาด แต่ก็ถือเป็นปัจจัยบวกที่จะหนุนตลาดหุ้นฟื้นได้อีกครั้ง ส่วนปัจจัยอื่นๆ มีรายงานจากทาง CNBC ว่าเงินฝากในธนาคาร First Republic เริ่มไหลออกในอัตราที่ชะลอตัวลง โดย ณ วันที่ 21 เม.ย. ปริมาณเงินฝากลดลงเพียง 1.7% เมื่อเทียบกับช่วงปลายเดือน มี.ค. มองเป็นปัจจัยบวกอ่อนๆ ต่อบรรยากาศการลงทุน
ขณะที่เช้านี้เริ่มเห็นตลาดหุ้น Nikkei ฟื้นตัวแกว่งบวกราว 0.57% เมื่อประกอบกับราคาน้ำมันดิบ BRT ที่ปรับตัวขึ้นก็เชื่อว่า SET INDEX วันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นในกรอบ 1558 – 1570
เชิงกลยุทธ์การลงทุน ยังมองบวกกับตลาดหุ้น เชื่อว่าการปรับฐานลงมาสะท้อนปัจจัยลบเกี่ยวกับการตั้งสํารองของ Stark ไปแล้ว ในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานบริษัทจดทะเบียนยังแข็งแกร่ง สะท้อนผ่านผลประกอบการกลุ่ม Bank ที่มิได้ย่ำแย่ โดยคาดหวังถึงผลประกอบการที่จะดีขึ้นสําหรับกลุ่มอิงการบริโภคในประเทศ โดยแนะกลุ่มค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SPA) ศูนย์การค้า (CPN) ขนส่ง (BEM) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB)
หุ้นแนะนำเชื้อวันนี้
ILM (ชื้อ / ราคาเป้าหมาย 24 บาท)
คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/23 ที่ 168 ล้านบาท (+4%YoY, -9%QoQ) หนุนจาก 1) การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่คาดโต 9% YoY 2) อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่แข็งแกร่ง และ 3) การขยายสาขาใหม่ในไตรมาส 4/22 (สาขาลาดกระบัง) บริษัทมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลน่าดึงดูดที่ 4%-5% และมีมูลค่าหุ้นถูกสุดในกลุ่ม
HMPRO (ชื้อ / ราคาเป้าหมาย 15.90 บาท)
1Q23 มีกำไรสุทธิ 1.6 พันล้านบาท (+7%YoY, -3%QoQ) ดีกว่าเราคาด 6% แต่ใกล้เคียงกับที่ BB consensus คาดกำไรที่โต YoY หนุนจากยอดขายที่เติบโตกว่า 9% YoY ผลจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) และอัตราค่าไรขั้นต้นที่ขยายตัว YoY และทรงตัว QoQ ได้ที่ 27% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายก็ยังบริหารได้ดีที่ 18%
Pi Stock Calendar