MASTER สวยกระแทกตา บล.หยวนต้า แนะนำเก็งกำไร ให้ราคาเป้าหมายปลายปีนี้ที่ 92.50 บาท ประเมินไตรมาส 1/2566 มีกำไร 71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.6%จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเริ่มพีคในไตรมาส 2/2566 หลังเพิ่มห้องผ่าตัดเป็น 17 ห้อง หนุนชั่วโมงการทำงานของห้องผ่าตัดคืนสู่ระดับ 15 ชั่วโมง/วัน และพีคสุดในไตรมาส 3/2566 เมื่อขยายห้องผ่าตัดและจำนวนแพทย์เป็น 45 คนได้สำเร็จตามแผน คาดทำกำไรนิวไฮในระดับ 100 ล้านบาทต่อไตรมาสได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทั้งการทำ M&A ยังหนุนผลประกอบการให้สามารถเติบโตได้สูงกว่าที่ประมาณการไว้
ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ออกบทวิเคราะห์ แนะนำเก็งกำไรหุ้น บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER โรงพยาบาลด้านศัลยกรรมเสริมความงามภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช : Masterpiece Hospital” โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 92.50 บาท มี Upside gain 11.1% และมองว่าราคาหุ้นที่ย่อตัวลงมาเป็นโอกาสสะสมเพื่อเก็งกำไรการฟื้นตัว เพราะเชื่อว่าหลังรายงานงบการเงินไตรมาส 1/2566 (วันที่ 15 พ.ค.) หุ้นจะกลับมา Outperform
ทั้งนี้ บล.หยวนต้า คาดว่า MASTER จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2566 ที่ 71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการเพิ่มชั่วโมงการทำงาน เพิ่มจำนวนแพทย์ แพทย์มีชื่อเสียงมากขึ้น และการทำตลาดมากขึ้น แต่ลดลง 10.9% จากไตรมาสก่อนหน้า จากผลกระทบชั่วคราวของการอยู่ระหว่างก่อสร้างห้องผ่าตัดเพิ่มเติม และขนย้ายกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่ศัลยกรรมไปศูนย์ใหม่ ทำให้มีเสียงรบกวน หรือต้องพักห้องบางช่วงเวลา ทำให้แพทย์ต้องหยุดทำงาน และมีการรอคิวห้องผ่าตัดยาวนานขึ้น ทำให้ชั่วโมงการทำงานของห้องผ่าตัดลดลงจาก 15 ชั่วโมง/วัน เหลือ 12-13 ชั่วโมง/วัน
โดยคาดว่ารายได้ในไตรมาส 1/2566 ที่ 420 ล้านบาท ลดลง 11%จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 76.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และคาด GPM ทรงตัวจากไตรมาสก่อนที่ 55.5% ส่วน SG&A คาดที่ 145 ล้านบาท ลดลง 10.1% จากไตรมาสก่อน จากค่าใช้จ่าย FA และค่าใช้จ่าย IPO ลดลง แต่เพิ่มขึ้น 113.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากยังมีการทำตลาดเชิงรุกต่อเนื่อง และเป็นการเพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน และคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 1/2566 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี
ปัจจุบันห้องผ่าตัดและศูนย์ความงามแห่งใหม่แล้วเสร็จแล้วราว 85% คาดว่ากำลังการผลิตใหม่ของห้องผ่าตัดอีก 10 ห้อง เป็น 17 ห้อง จะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคมนี้ และสร้างรายได้เต็มเดือนในเดือนมิถุนายนนี้เป็นต้นไป ทำให้ห้องผ่าตัดจะกลับมาทำงานได้เต็ม 15 ชั่วโมง/วัน ได้ในช่วงปลายไตรมาส 2/2566 และคาดว่าจำนวนชั่วโมงเฉลี่ยในการใช้งานห้องผ่าตัดต่อวันจะเพิ่มขึ้นเป็นราว 13-14 ชั่วโมง/วัน ได้ในไตรมาส 2/2566 นอกจากนี้กลุ่ม Skin care จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 60% ช่วยหนุนการเติบโตตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 2/2566
ล่าสุด MASTER มีแพทย์ทั้งหมด 42 คน อยู่ระหว่างจัดหาเพิ่มเติมอีก 3 คนในกลุ่ม Skin care, สุขภาพเพศชายและเพศหญิง ตามลำดับ เพื่อให้สอดคล้องกับกำลังการผลิตและดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น หนุนรายได้ GPM และกำไรสุทธิ โดย บล.หยวนต้า คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 2/2566 เบื้องต้นที่ 80 ล้านบาท+/- ขณะที่ผลของกำลังการผลิตใหม่ทั้งหมด รวมถึงกำลังการผลิตเดิมกลับมาทำงานได้ 15 ชั่วโมง/วันได้ตามปกติ จะเกิดขึ้นเต็มไตรมาสในไตรมาส 3/2566 คาดว่าจะส่งผลกำไรสุทธิทำระดับสูงใหม่ในระดับ 100 ล้านบาทต่อไตรมาสได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/2566 เป็นต้นไป
บล.หยวนต้า ประเมินด้วยว่าการทำ M&A คือ Upside และระบุว่า แม้กำไรไตรมาส 1/2566 จะยังไม่น่าตื่นเต้น แต่เป็นสิ่งที่อธิบายได้จากการขยายกำลังการผลิต ซึ่งจะส่งผลบวกตั้งแต่ไตรมาส 2/2566 เป็นต้นไป เสมือนมีโรงพยาบาลแห่งใหม่ขนาดใหญ่กว่าเดิม เพราะมีจำนวนห้องผ่าตัดเพิ่มขึ้นอีก 10 ห้อง จากเดิมมี 7 ห้อง บวกกับเงินสดในมือราว 2,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการเข้าซื้อกิจการความงามเพิ่มเติมตั้งแต่หลัง IPOบล.หยวนต้า คาดว่าน่าจะใกล้ได้ข้อสรุปอย่างน้อย 1 ดีลภายในกลางปีนี้ ซึ่งจะเป็น Upsideต่อประมาณการกำไรของ บล.หยวนต้า และคาดว่าจะยังมีการ M&A เพิ่มเติมต่อเนื่องหลังจากนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2566 ไว้ที่ 445 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.7% จากปีก่อน แต่เพื่อสะท้อนการเติบโตของกำไรจากการ M&A และ Upside จากการที่อาจใช้ห้องผ่าตัดมากกว่าคาด (คาดใช้ห้องผ่าตัดเฉลี่ยทั้งปีที่ 48%) บล.หยวนต้า จึงปรับใช้ PER ในการประเมินมูลค่าจาก 40 เท่า เป็น 50 เท่า (PER 1x) ได้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 92.50 บาทดังกล่าว