วันน้ีคาดตลาด “Sideway Down”

แนวรับ 1,540 / 1,525 แนวต้าน 1,550 / 1,560 รับ Sentiment เชิงลบของตลาดต่างประเทศ ตามความอ่อนแอของผลประกอบการและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ

Our View? “เหนี่อยหน่อยนะ”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,540 / 1,525 และแนวต้านที่บริเวณ 1,550 / 1,560 คาดตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงลบจากตลาดต่างประเทศ หลังจากเมื่อคืนนี้การรายงานผลประกอบการของ บจ. ขนาดใหญ่ในตลาดสหรัฐออกมาอ่อนแอ อีกทั้งยังได้รับแรงกดดันจาก First Republic Bank (FRB) ปรับตัวลงแรง จากการเปิดเผยลูกค้าถอนเงินจำนวนมากออกมา FRB สร้างความกังวลต่อเสถียรภาพของระบบธนาคารสหรัฐอีกครั้ง ขณะที่การรายงานตัวเลขความเชื่อมั่นของผู้บริโภค โดย Conference Board (CB) เดือน พ.ย. ออกมาอยู่ที่ระดับ 101.3 ต่ำกว่าที่ตลาดคาด ทำจุดต่ำสุดใหม่ในภาพระยะสั้น สะท้อนแนวโน้นความกังวลต่อเศรษฐกิจและการบริโภคสหรัฐชะลอตัวลงในช่วง 6 เดือนข้างหน้า เป็นปัจจัยกดดันทิศทางตลาดได้อยู่

ทั้งนี้เรายังแนะนำให้ติดตามรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ คาดจะออกมาที่ระดับ 2.5 แสนราย เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า สะท้อนตลาดแรงงานสหรัฐเริ่มคลายความตึงตัวลง รวมทั้งตัวเลข GDP 1Q’66 ของสหรัฐ คาดจะอยู่ที่ระดับ 2.00% ชะลอตัวลงจาก 4Q’65 โดยจะพบว่าตัวเลขที่สำคัญส่วนใหญ่ในสัปดาห์นี้เริ่มบ่งชี้ถึงทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอลง รวมทั้งติดตามการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในวันที่ 2-3 พ.ค. นี้ คาดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็นครั้งสุดท้ายของรอบ แต่ให้ติดตามการส่งสัญญาณถึงการคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวว่าจะยาวนานเท่าไหร่ โดยเรายังคาดว่า FED จะยังคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไปอีกระยะเวลาหนึ่งเพื่อรอประเมินผลกระทบของการใช้อัตราดอกเบี้ยในระดับที่สูง ทำให้เราคาดว่าความเสี่ยงของการที่เศรษฐกิจสหรัฐ จะถดถอยในช่วง 4Q′66 ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันทิศทางตลาดได้อยู่

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย. เมื่อคืนนี้อ่อนตัวลงปิดที่ระดับ 77.07 ดอลลาร์/บาร์เรล -1.69 ดอลลาร์ -2.15% คาดได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐในช่วสั้น รวมถึงความกังวลอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐจะชะลอตัวจากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เรามองการปรับลดกังวลการผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC+ อีก 1.16 ล้านบาร์เรล/วัน ที่กำลังจะมีผลในเดือน พ.ค. คาดจะเป็นปัจจัยลดทอนอุปทานน้ำมันและเพิ่มความกังวลอุปทานน้ำมันดิบในระยะถัดไป คาดจะเป็นปัจจัยจำกัด Downside ของราคาพลังงานได้อยู่

สำหรับปัจจัยในประเทศ เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อการรายงานผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทยส่วนใหญ่ออกมามากกว่าที่ตลาดคาดราว 7% โดยเป็นการเติบโตขึ้นโดดเด่น 45.19% QoQ และ +13.55% YoY คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB และ BBL) ฟื้นตัวขึ้นได้ต่อ ขณะที่ ประเด็นการปรับลดค่า Ft. ในรอบเดือน พ.ค. – ส.ค. ที่ 4.70 บาท จากเดิมที่ 4.77 บาท โดย กฟผ.เสนอช่วยเหลือผ่านการยืดหนี้การชำระค่าไฟเป็น 2 ปี 4 เดือน เรามองผลกระทบดังกล่าวกดดันหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GPSC GULF และ BGRIM) ปรับตัวลงมากรับรู้ปัจจัยดังกล่าวไปบ้างสมควรแล้ว คาดอาจเห็นการรีบาวด์กลับได้บ้างเล็กน้อยในระยะสั้น อย่างไรก็ดี เรายังเห็นการทยอยปรับประมาณการของ บจ. ในตลาดลงอยู่ โดยล่าสุดคาดการณ์ EPS ในปีนี้ของตลาดยังคงอ่อนตัวลงต่อเนื่อง เช้านี้ Bloomberg Consensus คาดการณ์อยู่ที่ราว 101.7 คาดมาจากความกังวลการประกาศผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มพลังงาน ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นไทย อาจออกมาไม่สดใสมากนัก มองเป็นปัจจัยจำกัดการเคลื่อนไหวของตลาดได้อยู่ อย่างไรก็ดี เรายังชอบหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, MAKRO และ BJC) เราคาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และอยู่ในภาพการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง  รวมทั้งยังได้รับแรงหนุนจากการเลือกตั้งใหญ่เดือน พ.ค. และตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยยังดีต่อเนื่อง คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อราคาได้อยู่ ในส่วนของการที่ราคาน้ำตาลล่วงหน้า โลกปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง จากผลความกังวลด้านอุปทานจากสภาพอากาศของโลกและอินเดีย ผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของโลกปรับลดประมาณการกำลังการผลิตในประเทศลง คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวก หนุนแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มน้ำตาล (BRR KSL และ KBS)

ธีมการลงทุน “Selective Play” 

หุ้นแนะนาวันนี้ “BRR”

  • จิตวิทยาเชิงบวกจากราคาน้ำตาล โลกปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่
  • ทางเทคนิคราคาอยู่ในกรอบขาขึ้นยกจุดต่ำสุดใหม่สูงขึ้นแล้วก่อนหน้า
  •  กลยุทธ์ เก็งกำไร แนวรับ 7.30 / 7.10 Target 8.00 / 8.40 Stop <6.95

- Advertisement -