บล.บัวหลวง:
Millennium Group Corporation (Asia) (MGC TB/MGC.BK)
MGC – เติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง
เราเริ่มต้นให้คําแนะนำ “ซื้อ” ต่อ MGC โดยมีราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2566 ที่ 13.40 บาท อิงจากค่าเฉลี่ย PER ปี 2562-65 ของกลุ่มผู้ค้าปลีกรายย่อยด้าน IT ของไทย ซึ่งคิดเป็น PEG ปี 2566-68 ที่ 11 เท่า บนสมมุติฐานกรณีที่ดีที่สุดของเรา MGC อาจจะไปซื้อขายบน PEG ที่สูงถึง 1.2-1.5 เท่า ซึ่งจะทำให้ราคาอาจไปอยู่ที่ 14-17 บาท
หุ้นที่ไม่เหมือนใครในประเทศไทย
MGC เป็นผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการด้านไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรที่ไม่ เหมือนใครในประเทศไทย ธุรกิจการค้าปลีกยานยนต์ท่าหน้าที่เป็นจุดดึงดูดลูกค้าที่สําคัญ ในขณะที่ธุรกิจการบริการหลังการขายสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ (และอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจบริการเป็น 7 เท่าของอัตรากำไรขั้นต้นของ ธุรกิจขายยานยนต์) ธุรกิจบริการหลังการขายคิดเป็น 40% ของกําไรขั้นต้นของบริษัทในปี 2565 นอกจากนี้ MGC กำลังอยู่บนธีม EV ด้วยจํานวนยอดขาย EV ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในฐานะผู้ให้บริการซ่อมสีตัวถังของเทสลาที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการแห่งแรกของประเทศไทย บริษัทจึงอยู่ในสถานะที่มีโอกาสสูงมากที่จะเห็นการเติบโตอย่างมีนัยของบริการหลังการขายสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า
นอกเหนือจากยอดขายรถยนต์ที่แข็งแกร่งแล้ว เรายังมองเห็นศักยภาพในการขยายธุรกิจขายเรือแม่น้ำและเรือยอก ของ MGC ซึ่งมียอดขายต่อปีเป็นเลขหลักเดียวในตอนนี้ แต่มีเป้าหมายที่จะเพิ่มเป็นมากกว่าสองหลักได้ไม่ยากในอนาคต
คาดกําไรหลักไตรมาส 1/66 จะเติบโต 30% YoY
ในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ครั้งที่ 44 ที่จัดในวันที่ 20 มี.ค. – 2 เม.ย. ยอดจองรถยนต์อยู่ที่ 42,885 คัน เติบโต 34.5% YoY โดย BMW เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ทำได้ดีมากในงานที่ผ่านมา โดยมียอดจองถึง 1,111 คัน ปรับตัวขึ้น 9% YoY (เติบโต 11% YoY ในงานของปี 2565) ขณะที่เบนซ์รายงานจํานวนจองที่ลดลง 25% YoY นอกจากนี้ในงานยังมีการโชว์รุ่นใหม่ๆ เช่น X1 XM ซีรี่ย์ 7 และ X7 ซึ่งเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในงานดังกล่าว ทั้งนี้มียอดจดทะเบียนรถ BMW ใหม่ที่ 4,133 คันในไตรมาส 1/66 เพิ่มขึ้น 19% YoY รวม EV 234 คัน (เทียบกับที่จอง EV เพียง 14 คันของเบนซ์) เราคาดกําไรหลักไตรมาส 1/66 ที่ 80 ล้านบาท เติบโต 30% YoY และกําไรหลักไตรมาส 2/66 ของ MGC น่าจะปรับตัวขึ้น YoY และ QoQ หนุนจากงาน Motor Show
อัตราการเติบโตของกําไรสะสมเฉลี่ยปี 2566-68 ที่ 21% (และยังมีอัพไซด์)
เราคาดกำไรหลักที่ 624 ล้านบาท สำหรับปี 2566 เติบโต 25% YoY และเราคาดจะเห็นการเติบโต 22% ในปี 2567 และ 17% ในปี 2568 คิดเป็นอัตราการเติบโตของกําไรสะสมเฉลี่ยปี 2566-68 ที่ 21% คาดว่าอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม และการลดลงของปัญหาคอขวดของซัพพลายเชนจะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของ MGC นอกจากนี้ ผลของสโนว์บอลลิ่งจากธุรกิจบริการหลังการขายและการบำรุงรักษาของบริษัทจะช่วยหนุนการเติบโตได้ และปัจจัยอื่นๆ อีกหลายอย่างที่อาจหนุนกำไรอีก เช่น Alpha X (ก่อตั้งในปี 2564) ซึ่งกำลังตีตลาดเป็นวงกว้าง
เราประมาณการเชิงอนุรักษ์นิยมว่า Alpha X จะถึงจุดคุ้มทุนในปี 2567 ในกรณีที่ Alpha X พลิกกลับเป็นกำไรในปี 2566 อาจมีอัพไซด์ประมาณ 4% สำหรับประมาณการกำไร MGC ของเรา หาก Alpha X สร้างกำไรในกรอบ 100-200 ล้านบาทในปี 2567 จะทำให้กำไรของ MGC เพิ่มขึ้น 7-13% จากประมาณการกำไร กรณีฐานของเราที่ 22%