KS Daily View 28.04.2023 >>> GDP สหรัฐ โตเพียง 1.1% คาด SET วันนี้แกว่งตัว SET คาดแกว่งในกรอบ 1,520-1,585 หุ้นแนะนำวันนี้ AMATA, BEM
สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้
ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA +1.57%, S&P 500 +1.96%, NASDAQ +2.43% โดย Sector ที่ outperform ใน S&P 500 ได้แก่ Communication services (+5.53%), Consumer discretionary (+2.77%) and Real estate (+2.43%) เป็นต้น Sector ที่ underperform ใน S&P 500 ได้แก่ Energy(+0.44%), Healthcare (+0.51%) and Consumer staples (+1.04%).เป็นต้น
ในประเทศ: SET Index ปรับตัวลดลง -12.77 จุด หรือ -0.82% ปิดที่ 1,531.23 จุด โดยหุ้นที่ฉุดตลาด ได้แก่ DELTA (-16.52%), NEX (-7.83%), KKP (-4%) เป็นต้น
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
คาดตลาดหุ้นไทยน่าจะแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1520-1585 จุด ตามตลาดหุ้นทางฝั่งสหรัฐฯ ที่ปิดบวกค่อนข้างแรง จากการรายงานตัวเลข GDP โตเพียง 1.1% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 2% บ่งบอกถึงเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว อาจจะส่งผลให้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า 25bps เป็นครั้งสุดท้าย และน่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยหากเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย รวมถึงการประกาศผลประกอบการบริษัท Meta (Facebook) ดีกว่าคาดทำให้ Sentiment ตลาดหุ้น Nasdaq บวกแรง
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1.) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2566 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเพียง 1.1% ในไตรมาสดังกล่าว ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.0%
2.) งบ Meta ไตรมาสแรกดีเกินคาด หลังลดต้นทุน เลย์ออฟครั้งใหญ่ รับมือตลาดโฆษณาออนไลน์ชะลอตัว สำหรับไตรมาสนี้สิ้นสุด ณ เดือนมีนาคม 2566 Meta งบดีเกินคาด ทำรายได้ไป 28.6 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3% จากที่ลดลงสามไตรมาสติดต่อกัน รายได้ส่วนใหญ่มาจากการให้บริการแอปฯ ในเครือ Facebook, Instagram, Messenger, WhatsApp และการแสดงโฆษณา 28.3 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 26% ส่งผลให้หุ้นปิดบวก 13.93%
3.) FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 84.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. และให้น้ำหนักเพียง 15.2% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75-5.00%
4.) ตัวเลข Core CPI ของญี่ปุ่น เดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 3.5% มากกว่าที่คาดไว้และเท่ากับครั้งก่อนที่ 3.2% ขณะที่ตัวเลขยอดค้าปลีกปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.2% มากกว่าคาดไว้ที่ 5.8% และเทียบกับครั้งก่อนที่ 7.3%
5.) หุ้นที่นักวิเคราะห์ KS ปรับคำแนะนำ/ราคาเป้าหมายวันนี้ ได้แก่ PTTEP, ITC
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
1.) หุ้นที่มีปัจจัยบวกหนุนหรือทิศทางผลประกอบเติบโต (Quality Growth) ได้แก่
- 1.1) AMATA ราคาปรับพื้นฐานเป็น 28.50 บาท คาดกำไรปกติปี 2023 เติบโต 11% YoY เป็น 1.65 พันลบ. ขณะที่ AMATA ตั้งเป้ายอดขายที่ดินปีนี้โต 50% YoY เป็น 2,250 ไร่หนุนจากการย้ายฐาน และความเชื่อมั่นภาคเอกชนฟื้นตัวหลังเลือกตั้งกลางปี
- 1.2) BE8 ราคาพื้นฐาน 69.08 บาท คาดกำไรปี 2566 ท่ี 302 ลบ. เติบโต 118% YoY หนุนโดยธุรกิจหลักเติบโตดีต่อ การรวมบัญชีทั้งปีของ X-10 และ Baycom ราคาหุ้นปัจจุบันปรับตัวลง -25% YTD มาเทรดที่ P/E ปี 2023 ที่ 37x vs. EPS growth ปี2023-24 ที่ 118% YoY/39% YoY ตามลำดับ
- 1.3) KLINIQ ราคาพื้นฐาน 48.10 บาท เราคาดว่ากำไรปกติไตรมาส 1/2566 จะอยู่ที่ 64 ลบ. เพิ่มขึ้น 6% QoQ และ 41% YoY ทำจุดสูงสุดใหม่ และแนวโน้มเร่งตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปีตามการขยายสาขา
2.) กลุ่ม Defensive ที่จะช่วยลดความผันผวน/ความเสี่ยงของพอร์ทการลงทุนรวม แนะนำ
- 2.1) BH ราคาพื้นฐาน 237 บาท เก็งงบ 1Q23 ที่คาดว่าจะรายงานกำไรปกติที่ 1.53 พันลบ. โต 114% YoY มาจากรายได้และอัตรากำไรที่สูงขึ้นทำให้มีโอกาสที่หุ้นจะถูก rerate ไปเทรดระหว่างค่าเฉลี่ย P/E 31.7x กับ +1 S.D. ที่ 41.4x vs. EPS คาดการณ์ปีนี้ที่7.50 บาท
- 2.2) KTB ราคาพื้นฐาน 20.40 บาท กำไร 1Q23 โต 15% YoY และทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1 หมื่นลบ. vs. คาดการณ์ทั้งปีของเราที่ 3.6 หมื่นลบ. ขณะที่ ROE ปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 10% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่8.5% แต่ PBV ยังเทรดที่ 0.6x ต่ำกว่าคาดเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 0.65x
- 2.3) TRUE ราคาพื้นฐาน 10.32 บาท ได้ประโยชน์จากความต้องการสื่อสารที่เพิ่มขึ้นในช่วงเลือกตั้ง ขณะที่ปัจจัยหนุนราคาหุ้นจะมาจากการแข่งขันด้านราคาผ่อนคลายลงและ การพลิกฟื้นของกำไรอย่างรวดเร็วจาก synergies การควบรวม
3.) กลุ่ม พลังงาน แนะนำ PTTEP ราคาพื้นฐาน 172 บาท เพื่อ hedge กับทิศทางราคาน้ำมันดิบที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ U$90/bbl
4.) กลุ่ม Turnaround play แนะนำ SCGP ราคาพื้นฐาน 49 บาท แม้กำไรปกติ 1Q23 จะอ่อนแอที่ 1.08 พันลบ. ลดลง37.2% YoY แต่เพิ่มขึ้น 72.4%QoQ และคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง QoQ ในช่วงที่เหลือของปีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
- AMATA (ราคาพื้นฐาน 28.50 บาท) เราคาดว่ากำไรไตรมาส 1/66 จะเติบโต 26% YoY แต่ลดลงเพียง 12% QoQ และจะเป็นกำไรไตรมาส 1 ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาของ AMATA ขณะที่ยอดขายที่ดินไตรมาส 1/66 จำนวน 310 ไร่ ก็ถือว่าโดดเด่น ปรับประมาณการกำไรปี 2566-68 ขึ้น 7-21% กำไรปี 2567 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” AMATA และเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2566 เป็น 28.50 บาท จาก 26.50 บาท ตามการปรับเพิ่มประมาณการยอดขายที่ดินและสมมติฐานกำไร จากการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่แข็งแกร่ง
- BEM (ราคาพื้นฐาน 11.20 บาท) คาดกำไรไตรมาส 1/66 ที่ 623.6 ลบ. (+86% YoY, +3.4% QoQ) จากปริมาณการจราจรที่สูงขึ้นแต่ชดเชยด้วยค่าไฟฟ้าและค่าบำรุงรักษาที่สูงขึ้น ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการปรับคำแนะนำใหม่ ได้แก่ การฟื้นตัวของค่าผ่านทางและผู้โดยสาร MRT ที่เร็วขึ้น และการเริ่มโครงการทางด่วนสองชั้นในปี 2566 เราเชื่อว่าราคาหุ้นปัจจุบันของ BEM สะท้อนถึงมูลค่าของธุรกิจหลัก แม้ว่าเราคาดว่า overhang ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มจะฉุดราคาหุ้นให้ไปถึงราคาเป้าหมายของเรา
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันศุกร์ ติดตาม การประชุม BOJ ตัวเลข GDP 1Q23 ของยุโรป คาด +0.2% QoQ และ +1.3% YoY ตัวเลขเงินเฟ้อของเยอรมันเดือน เม.ย.คาด +7.2% YoY (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ +7.4% YoY) ตัวเลข Core PCE Price Index ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด +0.4% MoM ตัวเลข Personal Income ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด +0.2% MoM และตัวเลข Personal Spending ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด -0.1% MoM