KS Daily View 02.05.2023 >>> คาด Fed ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ภาพรวม SET เคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นต่างประเทศ SET คาดแกว่งในกรอบ 1,520-1,555 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ AMATA, SCGP
สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้
ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA -0.14%, S&P 500 -0.04%, NASDAQ -0.11% โดย Sector ที่ outperform ใน S&P 500 ได้แก่ Healthcare (+0.59%), Industrials (+0.55%) and Utilities (+0.21%) เป็นต้น Sector ที่ underperform ใน S&P 500 ได้แก่ Energy(-1.26%), Consumer discretionary (-1.06%) and Real estate (-0.92%) เป็นต้น
ในประเทศ: SET Index ปรับตัวลดลง -2.11 จุด หรือ -0.14% ปิดที่ 1,529.12 จุด โดยหุ้นที่ปรับขึ้นแรง ได้แก่ JMART (+6.45%), PLANB (+5.16%%), VGI (+3.07%), KTC (+2.43%) และ SAWAD (+2.30%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ปรับลงแรงได้แก่ RCL (-5.10%), SABUY (-4.52%), DELTA (-2.74%), EPG (-2.61%) และ KEX (-2.36%)
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
คาดตลาดหุ้นไทยน่าจะแกว่งในกรอบ 1520-1555 จุด ภาพรวมยังน่าจะเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ส่วนปัจจัยภายในประเทศเองเป็น sentiment ลบจากการปรับตัวลงแรงของหุ้นที่ก่อนหน้านี้มีการเก็งกำไรจนเกินพื้นฐานไปมาก ขณะที่ความไม่แน่นอนในผลการเลือกตั้งของไทยและวันหยุดยาวช่วยปลายสัปดาห์ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเลือกตัดสินใจชะลอตัวการลงทุนออกไปก่อน ซึ่งจะเป็นการขายเพื่อลดความเสี่ยง มากกว่าการซื้อเพื่อเก็งกำไร ทั้งนี้ให้ติดตาม Nida poll จะมีการประกาศในวันที่ 3 พ.ค. ด้วย
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1.) สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลจะเข้าควบคุมธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ (FRB) และจะให้เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เข้าซื้อกิจการ FRB หลังจากที่ FRB ลงทุนผิดพลาดและลูกค้าแห่ถอนเงินออกจากธนาคารจนเกิดความเสียหายต่อภาคธนาคารในระดับภูมิภาค กรมคุ้มครองการเงินและนวัตกรรมแห่งแคลิฟอร์เนีย (DFPI) ออกแถลงการณ์ว่าเจพีมอร์แกนจะ “รับเอาเงินฝากทั้งหมด รวมถึงเงินฝากที่ไม่ได้รับความคุ้มครองทั้งหมด ตลอดจนสินทรัพย์ที่สำคัญทั้งหมด” ของ FRB ภายใต้ข้อตกลงครั้งนี้ เจพีมอร์แกนได้เข้าครอบครองเงินฝาก 9.2 หมื่นล้านดอลลาร์ของ FRB รวมถึงเงินกู้อีก 1.73 แสนล้านดอลลาร์ และหลักทรัพย์ 3 หมื่นล้านดอลลาร์
2.) การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ วันที่ 2-3 พ.ค. นี้ คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00 – 5.25% และน่าจะเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย เป็นการจบรอบการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่วน ECB จะประชุมวันที่ 4 พ.ค. นี้ คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Deposit facility rate 0.25% สู่ระดับ 3.25% และ อัตราดอกเบี้ย Refinancing operation 0.25% สู่ระดับ 3.75%
3.) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของสหรัฐฯ โดย ISM รายงานที่ 47.1 มากกว่าที่คาดไว้ที่ 46.8 และมากกว่าครั้งก่อนที่ 46.3 แม้ PMI จะปรับตัวขึ้นแต่ยังต่ำกว่า 50 ยังบ่งบอกถึงเศรษฐกิจชะลอตัว
4.) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือฟิทช์ เรตติ้ง ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสลงจากระดับ AA สู่ AA- โดยแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือมีเสถียรภาพ และมีอันดับความน่าเชื่อถือเท่ากับไอร์แลนด์และสาธารณรัฐเช็ก เนื่องจากการคาดการณ์ยอดขาดดุลงบประมาณของฝรั่งเศสในปีนี้และปีหน้าสูงกว่าระดับเฉลี่ยของประเทศต่าง ๆ ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AA ทั้งนี้ การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงในฐานะนักปฏิรูปเศรษฐกิจที่จะปรับลดหนี้และกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่เขาเผชิญความยากลำบากในการที่จะเสนอนโยบายของเขาต่อชาวฝรั่งเศส
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
1.) หุ้นที่มีปัจจัยบวกหนุนหรือทิศทางผลประกอบเติบโต (Quality Growth) ได้แก่
1.1) AMATA ราคาพื้นฐาน 28.50 บาท เราคาดว่ากำไร 1Q23 จะเติบโต 26% YoY และเป็นไตรมาส 1 ที่ดีสุดเท่าที่เคยมีมาของ AMATA ขณะที่ยอดขายที่ดินใน 1Q23 ทำได้ 310 ไร่ ก็ถือว่าโดดเด่น โดยประเมินทั้งปี 2566 จะทำได้ 1,500 ไร่และต่อเนื่องที่ระดับดังกล่าวไปถึงปี 2568 จากการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนบนความเสี่ยง Geopolitical risk คาดกำไรปี 2567 จะทำสถิติสูงสุดใหม่
1.2) SNNP ราคาพื้นฐาน 30.30 บาท คาดกำไร 1Q23 ที่ 165 ลบ. เติบโต 45% YoY หนุนจากยอดขายที่โตดี และการควบคุมต้นทุนวัตถุดิบ ค่าใช้จ่ายบริหารได้ดี ขณะที่การเร่งตัวของนักท่องเที่ยวจีนใน 2Q23 เป็นต้นไป ผนวกกับกำลังการผลิตใหม่ๆจะหนุนกำไรเร่งตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปี
2.) กลุ่ม Defensive ที่จะช่วยลดความผันผวน/ความเสี่ยงของพอร์ทการลงทุนรวม แนะนำ 2.1) KTB ราคาพื้นฐาน 20.40 บาท กำไร 1Q23 โต 15% YoY และทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1 หมื่นลบ. vs. คาดการณ์ทั้งปีของเราที่ 3.6 หมื่นลบ. ขณะที่ ROE ปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 10% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 8.5% แต่ PBV ยังเทรดที่ 0.6x ต่ำกว่าคาดเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 0.65x
3.) กลุ่ม Turnaround play แนะนำ SCGP ราคาพื้นฐาน 49 บาท คาดกำไร 1Q23 ที่ 1.2 พันลบ. เป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ และจะเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง QoQ ไปที่ระดับ 1.4-1.5 พันลบ. ต่อไตรมาสในช่วงที่เหลือของปีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนหนุนยอดขายกระดาษฟื้นตัว
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
AMATA (ราคาพื้นฐาน 28.50 บาท) เราคาดว่ากำไร 1Q23 จะเติบโต 26% YoY และเป็นไตรมาส 1 ที่ดีสุดเท่าที่เคยมีมาของ AMATA ขณะที่ยอดขายที่ดินใน 1Q23 ทำได้ 310 ไร่ ก็ถือว่าโดดเด่น โดยประเมินทั้งปี 2566 จะทำได้ 1,500 ไร่และต่อเนื่องที่ระดับดังกล่าวไปถึงปี 2568 จากการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนบนความเสี่ยง Geopolitical risk คาดกำไรปี 2567 จะทำสถิติสูงสุดใหม่
SCGP (ราคาพื้นฐาน 30.30 บาท) คาดกำไร 1Q23 ที่ 165 ลบ. เติบโต 45% YoY หนุนจากยอดขายที่โตดี และการควบคุมต้นทุนวัตถุดิบ ค่าใช้จ่ายบริหารได้ดี ขณะที่การเร่งตัวของนักท่องเที่ยวจีนใน 2Q23 เป็นต้นไป ผนวกกับกำลังการผลิตใหม่ๆจะหนุนกำไรเร่งตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปี
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันอังคาร ติดตาม ตัวเลขเงินเฟ้อยูโรโซนเดือน เม.ย. คาด 7.0% ดีขึ้นจากระดับ 6.9% เดือนก่อนหน้า ขณะที่คาดว่า Core inflation ของยูโรโซนเดือน เม.ย. จะทรงตัวที่ 5.7% ตัวเลขตำแหน่งงานเปิดใหม่ (JOLTs Job Openings) เดือน มี.ค. คาด 9.683 ล้านตำแหน่ง (-2.5% MoM)
- วันพุธ ติดตาม ตัวเลข ISM Service PMI เดือน เม.ย. คาด 51.8 จุด (+1.2% MoM) ปริมาณสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ และการประชุม FOMC คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 25bps. เป็น 5-5.25%
- วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลข Caixin manufacturing PMI ของจีนเดือน เม.ย. คาด 50.3 จุด ตัวเลข Initial Jobless Claim ของสหรัฐฯ คาด +240K (จากสัปดาห์ก่อนที่ +230K) และการประชุม ECB คาดปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 25bps. โดย Deposit Facility Rate ปรับขึ้นเป็น 3.25%
- วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลข Caixin Service PMI ของจีนเดือน เม.ย. คาด 58 จุด (ทรงตัว MoM) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. คาด +180K (ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 236K) อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. คาด 3.6% (ปรับเพิ่มขึ้นจาก 3.5% เดือนก่อนหน้า) และค่าจ้างรายชั่วโมงของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. คาด +0.3% MoM และ +4.2% YoY