ASL ANALYSIS GUIDE
- ประเมิน SET Index แกว่งตัว sideway to sideway down มีโอกาสปรับตัวลงทดสอบแนวรับจุดต่ำก่อนหน้าที่ 1,518 เป็นจุดพิจารณาเล่นรอบ แนวต้านกลับตัว 1,538-1,545
- วันนี้เคาะ MAKRO รับ Sentiment เชิงบวกจากเข้าใกล้ช่วงการเลือกตั้งที่จะมีเม็ดเงินสะพัดมาหนุนและนโยบายหาเสียงที่มีแนวโน้มกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนมองเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีก โดยเราชอบ MAKRO มากที่สุด เนื่องจากราคายัง laggard กลุ่มและตลาดอยู่พอสมควร
MARKET STRATEGY
- สรุปตลาดวานนี้ SETI ปิด 1,529.12 จุด ลดลง 2.11 จุด (-0.14%) มูลค่าการซื้อขาย 45,043.38 ล้านบาท รับแรงกดตีนจากหุ้น DELTA, PTTEP ประกอบกับการซื้อขายเบาบาง จากเข้าสู่ช่วงของวันหยุดยาวต่อเนื่อง
- Research Highlight: คาดเกิด Sell in may and go away ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ//เข้าสู่ Election rally
- เราคาดหวังว่าจะเกิด sell in may and go away ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ
- การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หากไม่ส่งสัญญาณยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะทำให้ภาพ soft landing ใน 2H66 เป็นไปได้ยาก และอาจเกิด recession
- ตัวเลขเศรษฐกิจยังไม่ส่งสัญญาณการฟื้นตัวอย่างเด่นชัด โดยเฉพาะ PMI ภาคการผลิต
- ประเด็น debt ceiling ที่เชื่อว่าตลาดจะให้น้ำหนักช่วงกลางเดือน พ.ค. เป็นต้นไป
- ทั้งนี้ จากข้อมูลสถิติย้อนหลัง 10 ปี พบว่าหากตลาดหุ้นสหรัฐฯ เกิต Sell in may ตลาดหุ้นไทยมักจะปรับตัวลงตาม แต่อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจาก sentiment การเลือกตั้ง และในเชิง Valuation ตลาดที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับภูมิภาค
- เจพีมอร์แกนจะเข้าซื้อกิจการธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ หลังล้มละลายเป็นแห่งที่ 3
- หน่วยงานกำกับดูแลจะเข้าควบคุมธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ (FRB) และจะให้เจพีมอร์ แกน เชส แอนด์ โค เข้าซื้อกิจการ หลังจากที่ FRB ลงทุนผิดพลาดและลูกค้าแห่ถอนเงินออกจากธนาคารจนเกิดความเสียหายต่อภาคธนาคารในระดับภูมิภาค
- การเข้าซื้อ FRB ครั้งนี้จะทำให้เจพีมอร์แกน ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐมีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้นไปอีก และยังขัดแย้งกับท่าทีก่อนหน้านี้ของผู้แทนจากพรรคเดโมแครตคนสำคัญ และฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้แสดงความกังวลต่อการควบรวมกิจการในอุตสาหกรรมการเงินและภาคส่วนอื่นๆ
- สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับ silence bank-run หลังธนาคารขนาดกลาง-เล็กรายงานยอดเงินฝากที่ลดลงกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ในเดือน มี.ค. ทั้งนี้อาจเห็นแรงขายระยะสั้นของกลุ่มธนาคารเพื่อตอบรับประเด็นดังกล่าว หากปรับตัวลงเป็นจังหวะซื้อสะสม เราชอบ KBANK SCB
- PCE สหรัฐฯ มี.ค. เพิ่มขึ้น สนับสนุนให้เฟดยังขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- ก.พาณิชย์ สหรัฐ รายงาน PCE เพิ่มขึ้น 4.6%YoY ในเดือนมี.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.5%YoY แต่ชะลอตัวจากระดับ 4.7%YoY ในเดือนก.พ. สูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ 25%
- ก.แรงงาน รายงานดัชนีต้นทุนการจ้างงาน (ECI) เพิ่มขึ้น 1.2%QoQ และ +4.8%YoY ใน 1Q66 สูงกว่าตลาดคาด สะท้อนภาพตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง
- จากข้อมูล PCE และ EIC ที่ดีกว่าคาด จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟตขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25%
- ติดตาม
- 2 พ.ค. ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (เม.ย.) EU // ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS (มี.ค.) USD
- 3 พ.ค. การเปลี่ยนแปลงในการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรมจากเอพี (ADP) (เม.ย.) // ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (เม.ย.) // ดัชนี PMI ภาคการบริการจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) (เม.ย.)
- 4 พ.ศ. รายงานการประชุม FOMC // การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย (พ.ศ.) EU // จํานวนคนที่ยืนรอรับสวัสดิการว่างงาน
- 5 พ.ค. การจ้างงานนอกภาคการเกษตร (เม.ย.) // อัตราการว่างงาน (เม.ย.)
- Investment Strategy
- ประเมิน SET Index แกว่งตัว sideway to sideway down มีโอกาสปรับตัวลงทดสอบแนวรับจุดต่ำก่อนหน้าที่ 1518 เป็นจุดพิจารณาเล่นรอบ แนวต้านกลับตัว 1538-1545
- เข้าใกล้วันหยุดยาว อาจเห็นวอลุ่มเทรดที่เบาบาง รวมถึงอยู่ในช่วงจ่ายปันผล
- ประเมินว่ากลุ่มธนาคาร พลังงานจะกดดันตลาดวันนี้ รวมถึง PMI เม.ย. จีนหดตัวทั้งภาคการผลิตและบริการ
- แนะนํา Selective buy 1. Earning play โดยแนวโน้มผลประกอบการแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่คาดว่างบ 1Q66 ออกมาตี YOY เราชอบ OSP BJC ADVANC และอีกกลุ่มได้แก่งบ 1Q66 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี ก่อนจะฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปี เราชอบ MINT AOT 2. Election rally ที่มักให้ผลตอบแทนที่เด่นชัดก่อนเลือกตั้ง 2 สัปดาห์ ADVANC KBANK BBL SC SIRI WHA STEC CPALL EA 3. Dividend yield AP LH BAM
Global Markets
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันจันทร์ (1 พ.ค.) ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารของสหรัฐ หลังมีรายงานว่าเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เช้าซื้อกิจการธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ ซึ่งประสบปัญหาสภาพคล่อง ขณะเดียวกันนักลงทุนกังวลว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบในวันจันทร์ (1 พ.ค.) หลังมีรายงานว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนหดตัวลงในเดือนเม.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลที่ว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
(-) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดลบในวันจันทร์ (1 พ.ค.) หลังมีรายงานว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนหดตัวลงในเดือนเม.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลที่ว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
(-) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดลบในวันจันทร์ (1 พ.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงิน ดอลลาร์ รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
หุ้นเคาะไป คุยไป..MAKRO
- MAKRO รับ Sentiment เชิงบวกจากเข้าใกล้ช่วงการเลือกตั้ง ที่จะมีเม็ดเงินสะพัดมาหนุน และนโยบายหาเสียงที่มีแนวโน้มกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนมองเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีก โดยเราชอบ MAKRO มากที่สุด เนื่องจากราคายัง laggard กลุ่มและตลาดอยู่พอสมควร
- ด้านแนวโน้ม 1Q66 จาก Bloomberg ประเมิน Core profit ราว 2 พันล้านบาท ยังขยายตัวได้เล็กน้อย YoY แต่หดตัว QoQ โดยภาพ YoY ที่เพิ่มขึ้นมาจากทั้งธุรกิจ B2B ค้าส่ง-MAKRO) ตาม SSSG ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอาหารสดซึ่งมี margin สูง รวมถึงยอดขาย O2O ยังเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ภาพ C/I ยังอยู่ในระดับสูงจากการปรับปรุงสาขา และ B2C (ค้าปลีก-Lotus’s) จาก SSSG และค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น หนุนให้ EBIT margin มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
- MAKRO ตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่ในประเทศไทย 12 สาขา และต่างประเทศ 4-6 สาขา ซึ่งเป็นประเทศที่แม็คโครขยายธุรกิจอยู่แล้ว ส่วนธุรกิจค้าปลีกโลตัส จะเปิดสาขาขนาดใหญ่แบบไฮเปอร์มาร์เก็ต 3-4 สาขา ซูเปอร์มาร์เก็ตในไทยและมาเลเซียรวม 10-14 สาขา และโลตัส โกเฟรซ (Lotus’s go fresh) 100-150 สาขา ซึ่งประเมินยอดขายปีนี้คาดว่าจะขยายตัวมากกว่า GDP ปี 66 มีปัจจัยหนุนมาจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ส่วนลดค่าเช่าที่ให้กับคู่ค้าลดลง และภาพเงินเฟ้อในประเทศที่ชะลอตัว ขณะที่ MAKRO มีแผนจะ Re finance ในช่วง 2Q66 โดยเงินกู้ส่วนที่เหลือราว 3.45 หมื่นล้านบาท ที่มี CoF ราว 4.7-7% ต่อปี เป็นการออกหุ้นกู้ที่มี CoF เพียง 2.8- 4.15% ต่อปี ช่วยให้แนวโน้มต้นทุนทางการเงินลดลง หนุนกำไรสุทธิให้เพิ่มขึ้น