บล.ทรีนีตี้:
ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น – ITC
ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 27 บาท / Upside/Downside +32% / Median Consensus 33 บาท
1Q66 อ่อนตัวลง แต่จะฟื้นตัวได้ในทุกไตรมาสต่อจากนี้
- รายงานกำไรสุทธิ 1Q66 ที่ 425 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 37% QoQ และ 53% YoY และต่ำกว่าที่เราคาดกาณ์ที่ 555 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมที่ 3.59 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 35.8% QoQ และ 16.7% YoY
- Gross Margin ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 17.4% อ่อนตัวลงทั้ง QoQ และ YoY จากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และสัดส่วนรายได้จากกลุ่ม Premium ลดลง
- ขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศจีน พร้อมทำการขายสินค้าผ่านทาง Online Platform โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ใน 2Q66
- ปรับคาดการณ์กำไรปี 2566 ลง เป็น 3.76 พันล้านบาท จาก 1H66 ที่มียอดขายและอัตราการทำกำไรอ่อนตัวลง
- แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 27.00 บาท จากการอิง P/E ที่ระดับ 21.7X
1Q66 Earnings Review
- 1Q66 รายงานกำไรสุทธิที่ 425 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 37% QoQ และ 53% YoY และต่ำกว่าที่เราคาดกาณ์ที่ 555 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมที่ 3.59 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 35.8% QoQ และ 16.7% YoY จากฐานที่สูงในช่วง 2H65 ที่กลุ่มลูกค้ามีการตุน Inventory เพื่อขายในช่วงวันหยุดยาว และเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงปัญหา Logistic ที่เคยเกิดขึ้น ส่งผลให้มีการสั่งสินค้าไว้สูงกว่าปีอื่นๆ และมีการชะลอการสั่งสินค้าใหม่ในช่วง 1Q66
- ยอดขายอาหารแมวและขนมมีการบีบตัวลดลง 20% YoY และ 35.7% YoY ในขณะที่ยอดขายอาหารสุนัขมีการปรับตัวสูงขึ้น 20% YoY โดยที่สัดส่วนรายได้จากกลุ่มอาหารแมวอยู่ที่ 69% ปรับตัวลดลงจาก 70% ใน 1Q65
- Gross Margin ใน 1Q66 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 17.4% ต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ที่ 22% และปรับตัวลดลงจากระดับ 25% ใน 4Q65 และจากระดับ 23.8% ใน 1Q65 จากการปรับตัวลดลงของยอดขาย ประกอบกับต้นทุนค่าแรง ค่าไฟ และวัตถุดิบอย่างไก่ และปลาทูน่ามีการปรับตัวสูงขึ้น และการปรับตัวลดลงของสัดส่วนรายได้จากกลุ่ม Premium ที่ลดลงมาอยู่ที่ 43% จาก 50% ในปี 2565
- คาดกำไร 2Q66 จะมีการฟื้นตัวได้ QoQ แต่อาจยังคงปรับตัวลดลง YoY จากการที่กลุ่มลูกค้ายังคงระบายสินค้าใน Inventory แต่ 2H66 คาดสามารถเติบโตได Hot จากการเริ่มส่งสินค้าไปยังตลาดใหม่ ได้แก่ตลาดประเทศจีน พร้อมทั้งเริ่มดำเนินงานของโรงงานที่เพิ่ม Capacity คาดผลประกอบการ 1Q66 เป็นไตรมาสที่ต่ำที่สุดของปี 2566 และจะทยอยปรับตัวสูงขึ้นใน 2Q66 หลังจากที่กลุ่มลูกค้าได้ระบายสินค้าใน Inventory ได้
ปรับลดคาดกาณ์กำไรปี 2566 ลงจาก 1H66 ที่คาดว่ายอดขายและ Margin จะอ่อนตัวลง
คาด 1Q66 เป็นไตรมาสที่ต่ำที่สุดของปี 2566 และใน 2Q66 คาดพื้นตัวได้ QoQ แต่ยังคงอ่อนตัวลง YoY ส่งผลให้คาดว่าในช่วง 1H66 จะมีผลประกอบการอ่อนตัวลงราว 15% YoY ก่อนที่จะฟื้นตัวนช่วง 2H66 จากการกลับมา Order สินค้าเพิ่มของกลุ่ม Global Brands โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม Premium ที่มี Gross Margin สูงกว่า Economy Products แต่เนื่องจากผลประกอบการที่อ่อนตัวลงช่วง 1H66 เราจึงปรับคาดการณ์รายได้และกำไรปี 2566 ลง 5.0% เป็น 2.18 หมื่นล้านบาท และปรับลดคาดกาณ์กำไรสุทธิลง 17.7% เป็น 3.76 พันล้านบาท จาก Gross Margin ที่อ่อนตัวลงในช่วง 1H66 จากสัดส่วน Product Mix จากกลุ่ม Premium Products ที่ลดลง อย่างไรก็ดี เรายังคงคาดว่าการเติบโตในอนาคตของ ITC ยังสูงกว่าคาเฉลี่ยตลาด และคาดว่า Gross Margin จะสามารถกลับไปยืนได้ที่ 24-25%
แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 27.00 บาท
ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 27.00 (จาก 33.00 บาท) จากการอิง P/E ที่ 21.7% ใกล้เคียงระดับบริษัทฯ ที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงในตลาด คาด ITC สามารถเพิ่ม Market share ได้จากฐานลูกค้าใหม่ จากการขยายกำลังการผลิตประมาณ 18.7% จากการก่อสร้างโรงงานใหม่ โดยราคาปัจจุบันคิด เป็น P/E ที่ 16X
ความเสี่ยง:
- ความผันผวนของค่าเงิน
- ภาคการบริโภคไม่ฟื้นตัว
- การลงทุนที่ไม่ได้อยู่ในแผน
- อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น
การประเมินมูลค่าหุ้น
เราประเมินมูลค่าพื้นฐานสําหรับปี 2566 ของ ITC ที่ 33.40 บาท จากการอิง PE ที่ 21.7X ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย และค่าเฉลี่ย -0.5SD ของบริษัทฯ ที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงในตลาด โดยที่บริษัทฯประกอบธุรกิจหลัก ผลิตอาหารสัตว์ที่มีอัตราการทํากําไรที่สูงกว่าอาหารมนุษย์ เราจึงอิง P/E ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม