ความกังวล…ที่ยังวนเวียน / 1,510-1,530

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • คาด SET ปรับตัวทางลงและเคลื่อนไหวแดนลบ: แรงกดดันหลักของตลาดในวันนี้ คาดมาจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน ตามราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง 5.29% สู่ระดับ $71.66 ต่อบาร์เรล เนื่องจาก 1) ความวิตกที่ว่าสหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ หลังรบต.คลังสหรัฐฯ เตือนว่าสหรัฐฯ อาจเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ภายในวันที่ 1 มิ.ย. หากสภาคองเกรสไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้ก่อนเส้นตาย และ 2) ความกังวลเกี่ยวกับภาวะศก.ของสหรัฐฯ หลัง IMF เตือนภาคธนาคารสหรัฐยังเปราะบาง และการ เปิดเผยตัวเลขศก.ที่อ่อนแอ โดย JOLTS ลดลงสู่ 9.59 ล้านตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.64 และต่ำกว่าตลาดคาดที่ 9.78 ล้านตำแหน่ง จาก 9.97 ล้านตำแหน่งในเดือนก.พ.นอกจากนี้ตลาดอาจเผชิญแรงขายปิดความ เสี่ยงก่อนที่ตลาดจะปิดทำการเป็นเวลา 4 วัน ซึ่งเป็นช่วงคาบเกี่ยวที่ผลการประชุมเฟดและ ECB จะออกมาในวันพรุ่งนี้ โดยทางฝ่ายคาดเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% สอดคล้องกับเป้าหมายสำหรับปี 66 ของเฟด จาก Dot plot (5.1%) ที่เผยออกมาหลังการประชุมครั้งที่ผ่านมา และคาดว่าปธ.เฟดจะไม่ส่งสัญญาณูเชิงรุกในการดำเนินนโยบายการเงิน ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงด้าน ECB คาดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เช่นกัน โดยได้แรงหนุนจาก เงินเฟ้อยุโรปเริ่มเห็นสัญญาณเร่งตัวขึ้น สะท้อนจาก CPI เดือนเม.ย.ที่ขยายตัว 7.0% y-y จาก 6.9%y-y ในเดือนมี.ค. แต่คาดว่าการแถลงหลังการประชุมจะยังคงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ
  • กลยุทธ์ลงทุน: 1) Spending+ท่องเที่ยว: CENTEL, CPALL, ERW, HMPRO, MINT 2) เก็งงบ: AOT, BA, GPSC, MAKRO, SABINA, SAPPE, SIRI และ 3) หุ้น Big Cap. น่าสะสม: BBL, BDMS, BEM, GULF, KTC และ 4) Anti-commodity: SCC, TASCO

ปัจจัยบวก

  • สสช.เผย 1Q66 ตลาดแรงงานไทยฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยผู้ทํางานเต็มเวลา (ทำงาน 35-49 ซม./สัปดาห์) เพิ่มขึ้นกว่า 3 แสนคน เช่นเดียวกับผู้ที่ทำงาน 50 ชม.ขึ้นไป/สัปดาห์ มีจํานวน เพิ่มขึ้นกว่า 7 แสนคน นอกจากนี้การว่างงานลดลงเหลือ 4.2 แสนคน หรือ 1.1% ซึ่งกลับมาเท่ากับช่วงก่อนโควิด 19
  • ครม.มติเห็นชอบปรับงบประมาณสําหรับช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนจากเดิม 1.1 หมิ่นลบ. เป็น 1 หมื่นลบ. โดยเตรียมเสนอ กกต. พิจารณาต่อไป
  • ก.พาณิชย์จะรายงานเงินเฟ้อเดือนเม.ย.ในวันนี้ ตลาดคาด CPI ขยายตัว 2.70% จาก 2.83% ในเดือนมี.ค. ด้าน Core CPI ตลาดคาดขยายตัว 1.70% y-y จาก 1.75% y-y ทั้งนี้ การชะลอตัวของเงินเฟ้อจะเป็นแรงหนุนต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค และเป็นอานิสงส์ทางบวกต่อหุ้นในกลุ่มจับจ่ายใช้สอย

ปัจจัยลบ

  • สรท.ปรับลดคาดการณ์การส่งออกปี 66 เติบโต 0-1% จากเดือนก่อนที่คาดไว้ 1-2% เนื่องจากศก.โลกยังมีความไม่แน่นอนสูง ต้นทุนการผลิตยังคงสูง สินค้าคงคลังในประเทศคู่ค้ายังคงมีปริมาณสูง และภาคเกษตรผลผลิตออกไม่ตรงตามฤดูกาล
  • IMF ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของศก.ไทยในปีนี้ลงสู่ 3.4% ซึ่งลดลง 0.3% จากที่เคยคาดว่ในเดือนต.ค. 65
  • IMF เผยการเปลี่ยนอย่างรวดเร็วจากดอกเบี้ยต่ำไปเป็นสูง เป็นสาเหตุสําคัญทําให้ภาคธนาคารอ่อนแอลง และคาดว่าผลกระทบยังไม่หมด การที่ JP Morgan เข้าซื้อ FRB ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เผชิญกับภาวะเปราะบางเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
  • ชิตี้กรุ๊ปเตือนว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในเดือนมิ.ย. สวนทางการคาดการณ์ของตลาดที่ว่าเฟดจะยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค.

PICKS OF THE DAY

BA BUY

  • เป้าหมาย 13.70/14.10 แนวรับ 12.80/13.10 
  • 1Q66 คาดมีกำไรปกติได้: 1Q66ผู้โดยสาร +195% y-y, +17% q-q เป็น 1.1 ล้านคน อัตราการขนส่งอยู่ที่85% จากปีก่อนที่ 63.5% ค่าตั๋ว/คน +2% q-q, +43% y-y ต้นทุนแนวโน้ม ลลดงจากราคาน้ำมันและเครื่องบินที่ลดลง จึงมีกำไรจากการดำเนินงานที่ 415 ลบ. รวมกำไร Fx จะมีกำไรสุทธิ 456 ลบ. +145% y-y, +204% q-q
  • แนวโน้มยังดีจากการเปิดบินไปจีน: แนวโน้มช่วงที่เหลือยังฟื้นต่อเนื่อง จากการกลับไปเปิดบินที่จีนในเดือน มิ.ย. ใน 3 เส้นทาง จากสมุย ไปฉงชิ่ง, เฉิงตู และฮ่องกง จะช่วยหนุนผู้โดย สารได้ตามเป้า 4.4 ล้านคนในปีนี้ จากปีก่อนที่ 2.7 ล้านคน และรายได้/ตั๋วจะสูงกว่าปีก่อนที่ 9% เป็น 3,450 บาท น่าจะมีกำไรได้ทุกไตรมาส

MAKRO BUY

  • เป้าหมาย 39.00/40.50 แนวรับ 37.00/37.50
  • 1Q66 คาดผลดำเนินงานฟื้น y-y: ภาพการเปิดประเทศคาดยังเป็นปัจจัยหนุนต่อผลดำเนินงาน MAKRO ช่วง 1Q66 ฟื้น y-y จากธุรกิจค้าส่งและ Food Service ที่โตดี ขานรับไปกับภาคท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก ผลักดันรายได้คาดเติบโตดี หากแต่กำไรจะโตไม่เด่นเท่ารายได้ หลังถูกหักล้างบางส่วนจากต้นทุนค่าไฟฟ้าและดอกเบี้ยจ่ายที่ยังอยู่ในระดับสูง
  • คาดช่วงที่เหลือฟื้นตัวต่อ: ทางฝ่ายมองภาพ MAKRO ช่วงที่เหลือของปีคาดดีขึ้น หลังได้อานิสงส์จากต้นทุนค่าไฟฟ้าที่เริ่มลดลง จากการปรับลดค่า Ft บวกกับการ Refinance เงินกู้ที่คาดแล้วเสร็จช่วงกลางปี และจะช่วยลดทอนค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลงมาจากปัจจุบันที่ระดับ 5%
- Advertisement -