KS Daily View 03.05.2023 >>> จับตาผลการประชุม FOMC คาด Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยสุดท้ายที่ 5.25% SET คาดแกว่งในกรอบ 1,520-1,555 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ PTG, BBIK
สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้
ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA -1.08%, S&P 500 -1.16%, NASDAQ -1.08% โดย Sector ที่ outperform ใน S&P 500 ได้แก่ Consumer Discretionary (+0.16%), Consumer Staples (-0.32%) and Healthcare (-0.49%). เป็นต้น Sector ที่ underperform ใน S&P 500 ได้แก่ Energy(-4.28%), Financials (-2.30%) and Communication services (-1.78%).เป็นต้น
ในประเทศ: SET Index ปรับตัวลดลง -0.69 จุด หรือ -0.05% ปิดที่ 1,528.43 จุด โดยหุ้นที่ปรับขึ้นแรง ได้แก่ SABUY (+8.42%), DELTA (+5.15%%), MINT (+2.38%), SPRC (+2.06%) และ KBANK (+2.00%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ปรับลงแรงได้แก่ SINGER (-9.15%), BAM (-7.58%), ใBCH (-7.37%), KEX (-7.26%) และ RBF (-6.67%)
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ
คาดตลาดหุ้นไทยน่าจะแกว่งในกรอบ 1520-1555 จุด ภาพรวมยังถูกกดดันจากปัจจัยต่างประเทศ ความเสี่ยงเรื่อง Debt Ceiling และแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารทางฝั่งสหรัฐ รวมถึงนักลงทุนจับตามผลการประชุม FOMC ขณะที่ปัจจัยในประเทศมาจากความไม่แน่นอนในผลการเลือกตั้งของไทยและวันหยุดยาวช่วยปลายสัปดาห์ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเลือกตัดสินใจชะลอตัวการลงทุนออกไปก่อน โดยจะเป็นการขายเพื่อลดความเสี่ยงมากกว่าการซื้อเพื่อเก็งกำไร
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1.) ยุโรป เงินเฟ้อ (CPI) เดือนเม.ย. 2566 ออกมาที่ 7% เท่ากับที่คาดการณ์ไว้แต่มากกว่าครั้งก่อนที่ 6.9% ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ออกมาที่ 5.6% น้อยกว่าที่คาดไว้ที่ 5.7% และครั้งก่อนที่ 5.7% แสดงถึงเงินเฟ้อที่ยังอยู่สูงและกดไม่ลง ทำให้ ECB ยังคงต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่วนตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Manufacutring PMI) ออกมาที่ 45.8 มากกว่าที่คาดไว้ที่ 45.5 แต่น้อยกว่าครั้งก่อนที่ 47.3 บ่งบอกถึงสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว
2.) สหราชอาณาจักร ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Manufacutring PMI) ออกมาที่ 47.8 มากกว่าที่คาดไว้ที่ 46.6 แต่น้อยกว่าครั้งก่อนที่ 47.9 บ่งบอกถึงสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว
3.) สหรัฐฯ ตัวเลขตำแหน่งงานเปิดรับสมัครงาน (JOLTs Job Openings) เดือน มี.ค. 2566 ลดลงที่ 9.590 ล้านตำแหน่ง น้อยกว่าที่คาดไว้ที่ 9.775 ล้านต่ำแหน่ง และน้อยกว่าครั้งก่อนที่ 9.974 ล้านตำแหน่ง แสดงถึงภาคการจ้างงานที่เริ่มชะลดตัวลง
4.) หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก โดยดัชนี KBW Regional Banking Index ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาค ดิ่งลง 5.5% ซึ่งปรับตัวลงเป็นเปอร์เซ็นต์ในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค.ปีนี้ หลังจากหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐได้เข้าควบคุมกิจการธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ (FRB) และเปิดทางให้เจพีมอร์แกนเข้าซื้อกิจการของ FRB
5.) หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงกว่า 5% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 4% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 4.3% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ทรุดลง 8.26% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 3.79%
6.) FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 96.2% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. และให้น้ำหนักเพียง 3.8% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75-5.00%
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
1.) หุ้นที่มีปัจจัยบวกหนุนหรือทิศทางผลประกอบเติบโต (Quality Growth) ได้แก่
1.1) AMATA ราคาพื้นฐาน 28.50 บาท เราคาดว่ากำไร 1Q23 จะเติบโต 26% YoY และเป็นไตรมาส 1 ที่ดีสุดเท่าที่เคยมีมาของ AMATA ขณะที่ยอดขายที่ดินใน 1Q23 ทำได้ 310 ไร่ ก็ถือว่าโดดเด่น โดยประเมินทั้งปี 2566 จะทำได้ 1,500 ไร่และต่อเนื่องที่ระดับดังกล่าวไปถึงปี 2568 จากการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนบนความเสี่ยง Geopolitical risk คาดกำไรปี 2567 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ และ
1.2) SNNP ราคาพื้นฐาน 30.30 บาท คาดกำไร 1Q23 ที่ 165 ลบ. เติบโต 45% YoY หนุนจากยอดขายที่โตดี และการควบคุมต้นทุนวัตถุดิบ ค่าใช้จ่ายบริหารได้ดี ขณะที่การเร่งตัวของนักท่องเที่ยวจีนใน 2Q23 เป็นต้นไป ผนวกกับกำลังการผลิตใหม่ๆจะหนุนกำไรเร่งตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปี
2.) กลุ่ม Defensive ที่จะช่วยลดความผันผวน/ความเสี่ยงของพอร์ทการลงทุนรวม แนะนำ 2.1) KTB ราคาพื้นฐาน 20.40 บาท กำไร 1Q23 โต 15% YoY และทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1 หมื่นลบ. vs. คาดการณ์ทั้งปีของเราที่ 3.6 หมื่นลบ. ขณะที่ ROE ปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 10% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 8.5% แต่ PBV ยังเทรดที่ 0.6x ต่ำกว่าคาดเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 0.65x
3.) กลุ่ม Turnaround play แนะนำ SCGP ราคาพื้นฐาน 49 บาท คาดกำไร 1Q23 ที่ 1.2 พันลบ. เป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ และจะเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง QoQ ไปที่ระดับ 1.4-1.5 พันลบ. ต่อไตรมาสในช่วงที่เหลือของปีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนหนุนยอดขายกระดาษฟื้นตัว
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
- PTG (ราคาพื้นฐาน 16.20 บาท) กลุ่ม Anti – commodities ราคาเป้าหมายที่ 16.20 บาท จาก TSR ที่ 21% คาดกำไรแข็งแกร่งขึ้นใน 1H66 และดีเซล B10/B20 อาจกลับมาใช้อีกครั้ง PTG ยืนยันค่าการตลาดน้ำมันขายปลีกกลับสู่ปกติ ปริมาณขายไตรมาส 1/66 อาจทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง การขยายธุรกิจของกาแฟพันธุ์ไทยจะเร่งขึ้นในครึ่งหลังปีนี้ ปรับประมาณการกำไรปี 2566-67 ขึ้น 4-27% เพื่อสะท้อน upside ดังกล่าว โรงกลั่นน้ำมันปาล์มพร้อมเข้าจดทะเบียน
- BBIK (ราคาพื้นฐาน 158.34 บาท) เราคาดว่ากำไรไตรมาส 1/2566 จะอยู่ที่ 53 ลบ. เพิ่มขึ้น 72% QoQ และ 87% YoY และจะทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง คาดกำไรสุทธิภายในจะอยู่ที่ 41 ลบ. (+31% QoQ และ +42% YoY) และประมาณการกำไรเพิ่มเติมจาก Innoviz และ VDD รวมที่ 12 ลบ. คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเดิมที่ 158.34 บาท คาด backlog ณ ไตรมาส 1/2566 จะอยู่ที่ประมาณ 650 ลบ.
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันพุธ ติดตาม ตัวเลข ISM Service PMI เดือน เม.ย. คาด 51.8 จุด (+1.2% MoM) ปริมาณสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ และการประชุม FOMC คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 25bps. เป็น 5-5.25%
- วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลข Caixin manufacturing PMI ของจีนเดือน เม.ย. คาด 50.3 จุด ตัวเลข Initial Jobless Claim ของสหรัฐฯ คาด +240K (จากสัปดาห์ก่อนที่ +230K) และการประชุม ECB คาดปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 25bps. โดย Deposit Facility Rate ปรับขึ้นเป็น 3.25%
- วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลข Caixin Service PMI ของจีนเดือน เม.ย. คาด 58 จุด (ทรงตัว MoM) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. คาด +180K (ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 236K) อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. คาด 3.6% (ปรับเพิ่มขึ้นจาก 3.5% เดือนก่อนหน้า) และค่าจ้างรายชั่วโมงของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. คาด +0.3% MoM และ +4.2% YoY