บล.บัวหลวง: 

Industrial Estate – พื้นฐานแข็งแกร่ง (NEUTRAL)

ในระยะยาว เราคาดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและอีโค่ซิสเต็มของยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยจะช่วยหนุนยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม ขณะที่กำไรที่สูงขึ้นของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP และการกลับมาเปิดประเทศจีนอีกครั้งจะหนุนจิตวิทยาเชิงบวกในระยะสั้น โดยเราชอบ WHA มากที่สุด

ปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งหนุนยอดขายที่ดินในระยะยาว

นอกจากการย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีน อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว จะหนุนยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมในอีกหลายปีข้างหน้า และการกลับมาเปิดประเทศจีนอีกครั้งทําให้ นักลงทุนชาวจีนสามารถเดินทางกลับประเทศจีนได้ง่ายขึ้น หลังจากที่เดินทางมาเซ็นสัญญาในประเทศไทย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะหนุนยอดจองและยอดโอนที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมในปี 2566 นอกจากนี้หากรัฐบาลใหม่อนุมัติโครงการ “land bridge” การตัดเส้นทางขนส่งสินค้าทางบกจากระนองไปชุมพรจะทำให้ค่าขนส่งและระยะเวลาขนส่งสินค้าจากท่าเรือแหลมฉบังลดลง เมื่อรวมกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน EEC จะช่วยหนุนความต้องการของผู้ผลิตในการ ขยายโรงงานในประเทศไทย ซึ่งจะทําให้ความต้องการที่ดินในอุตสาหกรรมสูงขึ้นในระยะยาว

การฟื้นตัวของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP จะหนุนกำาไรในระยะสั้น

อัตราค่าไฟที่ไม่ใช่สําหรับครัวเรือนปรับขึ้นจาก 4.72 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง ในเดือน ก.ย. – ธ.ค. 2565 มาอยู่ที่ 5.33 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง ในเดือน ม.ค. – เม.ย. 2566 แต่จะปรับตัวลงมาเหลือ 4.70 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง ในเดือน พ.ค. – ส.ค. 2566 ตัวเลขดังกล่าวหมายถึงอัตราค่าไฟที่ไม่ใช่สําหรับครัวเรือนที่ 5.33 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมงในไตรมาส 1/66 (เพิ่มขึ้น 41% YoY และ 13% QoQ) และ 4.91 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง ในไตรมาส 2/66 (เพิ่มขึ้น 25% YoY แต่ลดลง 8% QoQ) ราคาพลังงานสําหรับไตรมาส 1/66 มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเร็วกว่าราคาก๊าซ และในไตรมาส 2/66 เราคาดว่าต้นทุนก๊าซจะลดลงเร็วกว่าค่าไฟ ดังนั้นหากราคาก๊าซลดลงจนถึงไตรมาส 4/66 (ตามที่ ปตท. คาดการณ์) เราคาดว่าอัตราค่าไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้า SPP จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง QoQ ไปจนถึงไตรมาส 4/66 แนวโน้มการฟื้นตัว ที่แข็งแกร่งของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP จะหมายถึงส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม และบริษัทย่อยที่มากขึ้นสําหรับทั้ง AMATA และ WHA

แนวโน้มไตรมาส 1/66-2/66

เราคาดกำไรหลักไตรมาส 1/66 ของ AMATA จะลดลง YoY (ไม่มีกําไรจากการขายอสังหาฯ เพื่อการลงทุน) และ QoQ (ยอดโอนที่ดินที่ลดลงตามปัจจัยทางฤดูกาล) โดย AMATA น่าจะรายงานกำไรหลักไตรมาส 2/66 ที่อ่อนแอ YOY (ไม่มีกําไรจากการขายอสังหาฯ เพื่อการลงทุน) แต่ปรับตัวดีขึ้น QoQ (อัตรากําไรขั้นต้นที่ดีขึ้นของโรงไฟฟ้ากลุ่ม SPP และยอดโอนที่ดินที่มากขึ้น) สําหรับ WHA เราคาดกําไรหลักไตรมาส 1/66 จะปรับตัวขึ้น YoY (ยอดโอนที่ เยอะ) แต่ลดลง QoQ (ไม่มีกําไรจากการขายอสังหาฯ เพื่อการลงทุน) และในไตรมาส 2/66 กำไรหลักของบริษัทน่าจะปรับตัวดีขึ้น YoY และ QoQ หนุนจากยอดโอนที่ดินและกำาไรจากโรงไฟฟ้า SPP ที่ดีขึ้น ทั้งนี้ WHA เป็นหุ้นที่เราชอบ มากที่สุดในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมจากภาพกำไรหลักที่แข็งแกร่ง

- Advertisement -