KS Daily View 09.05.2023 >>> คาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้น รอลุ้นผลเลือกตั้งหนุนความเชื่อมั่นผู้บริโภคและนักลงทุนดีขึ้น ปรับกรอบดัชนีเป็น1,550-1,585 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ AEONTS, CK
สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้
ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA -0.17%, S&P 500 +0.05%, และ NASDAQ +0.18% โดยSector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Communication Services (+1.27%), Consumer Discretionary (+0.30%), และ Financials (+0.21%) ส่วน Sector ที่ underperform ได้แก่ Real Estate (-0.69%), Industrials (-0.37%), และ Materials (-0.30%)
ในประเทศ: SET Index ปรับตัวขึ้น +28.95 จุด หรือ +1.89% เป็น 1,562.25 หนุนโดย TU (+6.6%), DOHOME (6.1%), TIDLOR (6.0%), CBG (+5.9%), และ AWC (+5.6%) ขณะที่ตัวที่ปรับตัวแย่กว่าตลาดได้แก่ ONEE (-3.3%), PSL (-3.3%), SPRC (-3.1%), และ SINGER (-2.3%)
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
ปรับกรอบตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ขึ้นเป็น 1,550-1,585 จุด หลังตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นทะลุแนวต้านสำคัญที่ 1,555 จุด จากแรง Short-covering และนักลงทุนต่างชาติกลับเข้าซื้อสุทธิกว่า 4 พันลบ. พร้อมเปิด net long SET50 index futures อีก 20,512 สัญญา เนื่องจากก่อนหน้านี้ SET Index ปรับตัวลงแรงกว่าภูมิภาคจากต้นปีเมื่อเทียบกับ MSCI ASEAN และ MSCI Asia Ex-Jap กว่า 6-7% และคาดส่วนนึงเก็งผลเลือกตั้ง เพราะสถิติในอดีตบ่งชี้ว่าการเลือกตั้งที่ได้รัฐบาลที่เข้มแข็งจะหนุนตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 6% นอกจากนี้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง (ล่าสุดอยู่ที่ 33.7-33.8 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าสุดในรอบ 3 เดือน) จากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด และการอ่อนค่าของ USD เนื่องจากตลาดยังให้น้ำหนักต่อความกังวลเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีโอกาสชะลอในระยะกลางจากดอกเบี้ยที่ยืนสูงเพื่อแก้เงินเฟ้อ ปัญหาในภาคธนาคาร และการขยายเพดานหนี้สาธารณะทำให้เราประเมินว่า ณ ระดับปัจจุบัน เรามองเป็นโอกาสในการกลับมาทยอยสะสมหุ้นไทยอีกครั้ง
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1.) ธนาคารกลางสหรัฐฯ ออกมาเตือนว่าปัญหาสภาพคล่องของธนาคารในสหรัฐฯจากเงินฝากไหลออก ทำให้ธนาคารในสหรัฐฯได้เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น อาจจุดชนวนให้เกิดวิกฤตสินเชื่อในวงกว้าง ซึ่งเสี่ยงต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้งนี้การที่นักลงทุนมีความระมัดระวังมากขึ้นทำให้อาจต้องการส่วนชดเชยความปลอดภัยที่สูงขึ้น และนำไปสู่การลดลงอย่างมากของราคาสินทรัพย์ โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ของสหรัฐฯ หลังเหตุการณ์โควิดที่ทำให้วิถีชีวิตของคนเปลี่ยนไป
2.) ทางการสหรัฐฯกำลังพิจารณานโยบายที่จะหยุดการปรับตัวลงของราคาหุ้นธนาคารในระดับภูมิภาคของสหรัฐฯ(Dow Jones U.S. Select Regional Banks Index -1% DoD, -8% WoW, -35% YTD) จากปัญหาวิกฤตสภาพคล่อง เช่น การห้ามทำ SBL รวมถึงการที่ FDIC อาจขยายกรอบการค้ำประกันเงินฝากจากปัจจุบันที่ U$250,000 ต่อรายต่อธนาคาร
3.) หุ้นที่นักวิเคราะห์ของทาง KS มีการปรับคำแนะนำ/ราคาเป้าหมายวันนี้ ได้แก่ DOHOME, M, PSL
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
1.) หุ้นที่เราคาดผลประกอบการไตรมาส 1Q23 แข็งแกร่ง นำโดย AURA , AMATA, CK
1.1) AURA หากอิงจากราคาทองคำ (ล่าสุดแตะรับสูงสุดที่ 2,060 ดอลลาร์สหรัฐฯ) รวมถึงความผันผวนของค่าเงินบาทส่งผลให้เราคาดว่ายอดซื้อขายทองคำหน้าร้านจะเพิ่มขึ้น โดยคาดกำไรไตรมาส 1Q23 เติบโต 14%QoQ, 21%YoY ที่ 257ล้านบาท คิดเป็น27%ของประมาณการกำไรปีนี้ ในขณะที่ใกล้ช่วงเปิดเทอมในไตรมาส 2Q23 คาดรายได้จากธุรกิจจำนำจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเราปรับประมาณการคำแนะนำขึ้นจากถือเป็น ซื้อ ด้วยราคาเหมาะสมที่ 19.34 บาท/หุ้น
1.2) AMATA บนเม็ดเงิน FDI ไหลเข้าเพิ่มขึ้นจากความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน และความเชื่อมั่นภาคเอกชนหลังการเลือกตั้ง
1.3) CK มองได้ sentiment บวกจากการประมูลงานรัฐกลับมาหลังเลือกตั้ง และราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายไม่แพง มีส่วนลดจากมูลค่าสินทรัพย์ถือครองอยู่ที่ 41%
2.) กลุ่มธนาคาร (BBL, KTB) เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการประชุมนักวิเคราะห์ BBL เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่เราคาดว่าการประชุมกนง.ในช่วงไตรมาส 2Q23 มีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้ง โดยคาดผลประกอบการของบริษัทจะฟื้นตัวต่อเนื่องทั้งในเชิง QoQ และ HoH จากการขยายตัว Loan Growth และ NIM (%) ในระดับ 4-5% และ 2.7% ตามลำดับ ในขณะที่ประเมินการตั้งสำรองในช่วงครึ่งปีหลังจะเริ่มลดลง สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ จากเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมา เราได้ปรับประมาณการกำไรปี 2023-25 ขึ้น 7-12% ตามลำดับพร้อมปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 182.5 บาท
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
AEONTS (ราคาพื้นฐาน 208 บาท) มองค่าแรงขั้นต่ำ/เงินเดือน ป.ตรีมีโอกาสปรับขึ้นจากนโยบายของพรรคการเมืองที่มีคะแนนนำในขณะนี้จะหนุน Loan growth ของบริษัทสูงกว่าเป้าที่ 5-10% เราเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีทั้งในเชิง QTD ทั้งการเติบโตของการเติบโตสินเชื่อ และคุณภาพสินทรัพย์ ทำให้เราคาดว่ากำไร 4QFY66 ที่อ่อนแอจะเป็นจุดต่ำสุด และคาดกำไรไตรมาส 1QFY67 จะปรับตัวดีขึ้น QoQ
CK (ราคาพื้นฐาน 33.55 บาท) คาดกำไรหลักไตรมาส 1/66 ที่ 192.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.2% YoY และพลิกจากขาดทุนหลัก 75.2 บาทในไตรมาส 4/65 จากรายได้โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ CK มีความน่าสนใจเนื่องจากBacklog อยู่ที่ 3.6 เท่าของระดับก่อน COVID-19 กำไรหลักปี 2566/67E คิดเป็น 1.8x/7.3x, ราคาหุ้นปัจจุบัน 1.25x และส่วนลดจากมูลค่าสินทรัพย์ถือครองอยู่ที่ 41%
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันอังคารติดตาม ตัวเลขส่งออก และนำเข้าของจีนเดือน เม.ย. คาด +8% YoY และ 0% YoY ตามลำดับ
- วันพุธ ติดตาม ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน เม.ย. คาด +0.4% MoM และ +5.0% YoY ตัวเลข Core inflation ของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. คาด +0.4% MoM และ +5.5% YoY และปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ
- วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย เดือน เม.ย. ตัวเลขเงินเฟ้อจีน เดือน เม.ย. คาด+0.1% MoM และ +0.9% YoY ตัวเลข Producer Price Index (PPI) ของจีนเดือน เม.ย. คาด -2.1% YoY ตัวเลข PPI ของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. คาด +0.3% MoM และ +2.5% YoY
- วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลข GDP 1Q23 ของอังกฤษคาด+0.1% QoQ และ +0.2% YoY ตัวเลข Michigan Consumer Sentiment ของสหรัฐฯ เดือน พ.ค. คาด 63 จุด(-0.8% MoM)