บล.บัวหลวง:
Ngern Tid Lor (TIDLOR TB/TIDLOR.BK)
TIDLOR – กำไรสุทธิตรงกับที่เราคาด
ผลประกอบการตรงกับที่เราคาด แต่ดีกว่าที่ตลาดคาด
TIDLOR รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 ที่ 955 ล้านบาท ปรับตัวขึ้น 1.6% YoY และ 16.9% QoQ ซึ่งตรงกับที่เราคาด แต่ดีกว่าที่ตลาดคาด 7% โดยกําไรก่อนการตั้งสํารองอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท เติบโต 39.5% YoY และ 10.2% QoQ ทั้งนี้กําไรไตรมาส 1/66 คิดเป็น 25% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเราที่ 3.7 พันล้านบาท
ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ
กำไรที่เติบโตทั้ง YoY และ QoQ มีแรงหนุนมาจากสินเชื่อที่แข็งแกร่ง และสัดส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ต่ำลง TIDLOR รายงานการเติบโตของสินเชื่อไตรมาส 1/66 ที่ 26.4% YoY และ 2.2% QoQ และรายได้ค่าธรรมเนียม (โดย หลักมาจากค่าคอมมิชชั่นการขายประกัน) ที่ขยายตัว 28.6% YoY (แต่ลดลง 9.1% QoQ ตามปัจจัยทางฤดูกาล) ซึ่งกลบผลกระทบจากการตั้งสำรองที่ 635 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 354% YoY แต่ลดลง 1.7% QoQ สัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมปรับตัวลงจาก 1.6% ณ สิ้นปี 2565 มาเหลือ 1.5% ณ สิ้นเดือน มี.ค. 2566 อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของ TIDLOR ปรับตัวขึ้นจาก 248.9% ณ สิ้นปี 2565 มาอยู่ที่ 269.7% ในไตรมาส 1/66 ซึ่งสูงสุดในกลุ่มสินเชื่อจํานําทะเบียนรถ NIM ในไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 15.4% ลดลง 26bps YoY และ 61bps QoQ เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น
แนวโน้ม
เราประมาณการกำไรไตรมาส 2/66 ที่ 960 ล้านบาท ทรงตัว YoY และ QoQ แม้ว่าเราคาดสินเชื่อจะเติบโตถึง 22.2% YoY และ 4% QoQ แต่ NIM น่าจะหดตัวลง เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
ประมาณการกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 คิดเป็น 25% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเราที่ 3.7 พันล้านบาท (เติบโต 2.6% YoY) โดยเราคงดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
คําแนะนํา
ปัจจุบัน TIDLOR ซื้อขายบนระดับ PER ปี 2566 ที่ 17 เท่า (ต่ำากว่าค่าเฉลี่ย 2 ปีอยู่ 30%) และ PBV สิ้นปี 2566 ที่ 2.2 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 2 ปีอยู่ 35%) หากบริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สูญฯ ในครึ่งหลังของปี 2566 (ตามที่เราคาด) มูลค่า PER และ PBV ดังกล่าวจะปรับตัวลง ซึ่งจะเป็นอัพไซต์อย่างมีนัยต่อประมาณการกำไรทั้งของเราและตลาด โดยทุก 10bps ที่ TIDLOR สามารถลดค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่เราคาดบนกรณีฐานของเรา ที่ 3.3% จะเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำาไรปี 2566 ที่ 1.9% เราแนะนํา “ซื้อ” โดยมีราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2566 ที่ 25 บาท อิงจาก PBV ณ สิ้นปี 2566 ที่ 2.4 เก่า