บล.ฟิลลิป:
IRPC: กำไรออกมาต่ำกว่าคาด
ถือ TP’66: U.R.
กำไร 1Q66 ออกมาต่ำกว่าคาด และแม้ว่าจะคาดว่าส่วนต่างราคาปิโตรเคมีจะทยอยฟื้นตัว แต่คาดว่า GRM ของ ธุรกิจโรงกลั่นจะถูกกดดันจากอุปทานส่วนเพิ่มที่เข้ามาค่อนข้างมากใน 2Q66 ทางฝ่ายยังคงคำแนะนำ “ถือ” จะ พิจารณาประมาณการหลังประชุมนักวิเคราะห์อีกครั้ง
งบรวม | 1Q66 | 4Q65 | 1Q65 | % y-y | % q-q |
กําไร | 300 | -7,149 | 1,501 | -80.0 | n.a. |
EPS | 0.01 | -0.35 | 0.07 | -80.0 | n.a. |
หมายเหตุ: กําไร = ล้านบาท, EPS = บาท
- กำไรสุทธิ 1Q66 ออกมาต่ำกว่าคาด: กำไรสุทธิ 1Q66 ออกมาต่ำกว่าคาดอยู่ที่ 300 ลบ. เนื่องจากการรับรู้ขาดทุนสต๊อกน้ำมันสุทธิที่มากกว่าคาดอยู่ที่ -1,742 ลบ. และผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวมาจาก GIM ที่ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 11.8 ดอลลาร์/bbl (+81.5% g-q, +66.7% y-y) โดยหลักมาจาก 1) ธุรกิจโรงกลั่นมี GRM สูงขึ้นอยู่ที่ 7.62 ดอลลาร์/bbl จากเดิม 5.02 ดอลลาร์/bbl ใน 4Q65 เนื่องจาก crude premium ที่อ่อนตัวลง q-q ประกอบกับการกลับมาเดินเครื่องตามปกติของโรงกลั่น หลังจากการปิดซ่อมบำรุงในช่วง 4Q65 ส่งผลให้ในไตรมาสนี้มีกำลังการกลั่นอยู่ที่ 196 KBD จาก 4Q65 อยู่ที่เพียง 119 KBD 2) PTF ของธุรกิจปิโตรเคมีฟื้นตัวมาอยู่ที่ 3.29 ดอลลาร์/bbl จากเดิมอยู่ที่เพียง 0.54 ดอลลาร์/bbl ใน 4Q65 เนื่องจากอุปทานที่ตึงตัวของผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ ส่งผลให้ส่วนต่างราคา HDPE/PP ปรับตัวสูงขึ้น 5% และ 35% q-q ประกอบกับส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์อะโลมาติกส์ที่ปรับตัวสูงขึ้น q-q โดยเฉพาะ BZ ซึ่งมีแรงหนุนจากอุปสงค์ของน้ำมันเบนซินที่สูงขึ้น
- แนวโน้ม 2Q66 อาจไม่สดใส: ทางฝ่ายคาดว่าแนวโน้มการฟื้นตัวใน 2Q66 ยังคงอ่อนแอ เนื่องจากคาดว่าการฟื้นตัวของธุรกิจปิโตรเคมีจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่สำหรับธุรกิจโรงกลั่นคาดว่าจะค่อนข้างอ่อนแอเพราะว่า SG GRM QTD อ่อนตัวลงมาอยู่ที่เพียง 2.9 ดอลลาร์/bbl จาก 1Q66 อยู่ที่ 7.3 ดอลลาร์/bbl เนื่องจาก 2Q66 เป็นช่วงที่อุปทานส่วนเพิ่มจาการเริ่มดำเนินงานของโรงกลั่นใหม่เข้ามาเป็นจำนวนที่สูงที่สุดของปี