บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action TRADING (Maintain)

TP upside (downside) +19.8%

Close May 9, 2023 Price 3.34 

12M Target 4.00 

TPI POLENE POWER 1Q66 น่าประทับใจ เติบโต YoY เกินคาด

Earnings Results

  • ประกาศงบ 1Q66 กำไรสุทธิทำได้ 1,046 ล้านบาท (+85% QoQ, +22% YoY) นับเป็นผลประกอบการรายไตรมาสที่น่าประทับใจ เพราะสามารถขยายตัว YoY แม้ว่าสัญญาขายไฟฟ้าโรงไฟฟ้า TG5 (55 MW) จะสิ้นสุดการได้รับค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (Adder) ไปตั้งแต่เดือนส.ค. 2565
  • ภาพรวมผลประกอบการออกมาแข็งแกร่ง สาเหตุหลักมาจากอานิสงส์ค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) สูงขึ้น อ้างอิงค่า Ft งวดเดือนม.ค. – เม.ย. ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอยู่ที่ 154.92 สตางค์ต่อหน่วย (เพิ่มขึ้น +61.49 สตางค์ต่อหน่วยจาก 4Q65 และเพิ่มขึ้น +153.53 สตางค์ต่อหน่วยจาก 1Q65) ส่งผลให้รายได้รวมทำได้ 2.9 พันล้านบาท (+16% QoQ, +6% YoY) ทำระดับสูงสุดรอบ 10 ไตรมาส และสามารถชดเชยรายได้จากค่าไฟฟ้าส่วน เพิ่ม (Adder) ที่ลดลงได้ทั้งหมด รวมทั้งยังทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) เพิ่มขึ้นเป็น 38.8% (+1,500bps QoQ, +740bps YoY) สูงสุดรอบ 5 ไตรมาส นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับ 4Q65 ผลประกอบการยังมีปัจจัยหนุนจากค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง -14% ตามปัจจัยฤดูกาล

Our Take

  • คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 3.4 พันล้านบาท (+22% YoY) โดยกำไร 1Q66 คิดเป็น 30% ของคาดการณ์ทั้งปี
  • แนวโน้มผลประกอบการ 2Q66 ยังอยู่ในเกณฑ์ดี หนุนจากการปรับตัวลดลงของต้นทุนเชื้อเพลิงถ่านหินตามราคาในตลาดโลก และราคาขายไฟฟ้ายังได้อานิสงส์ของค่า Ft เดือนเม.ย. ที่ยังอยู่ระดับสูง อย่างไรก็ตาม คาดกำไรจะชะลอตัว QoQ เนื่องจาก 1) ราคาขายไฟฟ้าปรับตัวลดลงตามค่า Ft งวดเดือนพ.ค. – ส.ค. อยู่ที่ 91.19 สตางค์ต่อหน่วย เทียบกับ 154.92 สตางค์ต่อหน่วย ในรอบเดือนม.ค. – เม.ย. 2566 2) จํานวนเทศกาลวันหยุดเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาขายไฟฟ้าลดลงตามโครงสร้างราคาช่วง Off-peak Load 3) ปริมาณการผลิตไฟฟ้าชะลอลงตามการปิดซ่อมบำรุง
  • แม้ว่าปี 2566 บริษัทฯ จะได้รับผลกระทบจากการสิ้นสุดสัญญาค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (Adder) เต็มปีของโรงไฟฟ้า TG3 และ TG5 (ตั้งแต่เดือนม.ค. 2565 และเดือนส.ค. 2565) อย่างไรก็ตาม เราคงมุมมองบวกต่อการฟื้นตัวของกำไรในปี 2566 เนื่องจาก 1) การเพิ่มขึ้นของราคาขายไฟฟ้าสอดคล้องค่า Ft (ปี 2565 ค่า Ft เฉลี่ยอยู่ที่เพียง 40 สตางค์ต่อหน่วย เทียบกับการเรียกเก็บค่า Ft งวดเดือนม.ค. – ส.ค. 2566 ที่เฉลี่ย 123.42 สตางค์ต่อหน่วย) 2) อัตราการผลิตสูงขึ้นตามแผนปิดซ่อมบำรุงลดลง และอุปสงค์จาก TPIPL เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ 3) ต้นทุนเชื้อเพลิงปรับตัวลงตามทิศทางราคาถ่านหินในตลาดโลก และการทยอยปรับไปใช้เชื้อเพลิง RDF แทนถ่านหิน
  • แม้ผลประกอบการตั้งแต่ปี 2568 มีความท้าทายจากการสิ้นสุด Adder ของโรงไฟฟ้า TG4 และ TG6 อย่างไรก็ตาม เราคงคำแนะนำ TRADING ราคาเหมาะสม 4.00 บาท มองว่านักลงทุนสามารถเก็งกำไรระยะสั้นจากประเด็นบวก 1) ผลประกอบการ 1Q66 โดดเด่น 2) ธุรกิจมั่นคงไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจโลก และ 3) ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง ราคาปัจจุบันมี Dividend Yield 6.1%
- Advertisement -