ASL ANALYSIS GUIDE

ประเมิน SET Index แกว่งตัว sideway ระยะสั้นเน้นยืนแนวรับ 1,560 ไม่ควรต่ำกว่าเพื่อคงโมเมนตัมบวกขาขึ้น แนวต้านทดสอบ 1,572/1,580 เป็นกรอบพิจารณาเล่นรอบ

ประเด็นการลงทุน
1. CPI เม.ย. สหรัฐฯต่ำกว่าคาด
2. ราคาน้ำมันปรับตัวลง
3. ติดตาม CPI เม.ย. ของจีน
  • วันนี้เคาะ SPALI กำไรสุทธิ 1Q66 เท่ากับ 1.08 พันล้านบาท (-50%QoQ,-8%YoY) แนวโน้มช่วงที่เหลือของปีจะเติบโตต่อเนื่อง ประเมินผลประกอบการ 1Q66 เป็นจุดต่ำสุดของปี

MARKET STRATEGY

สรุปตลาดวานนี้ SETI ปิดที่ 1,569.56 จุด เพิ่มขึ้น 4.90 จุด (+0.31%) มูลค่าการซื้อขาย 49,967.39 ล้านบาท โดยตลาดปรับขึ้นจากหนุนจากกลุ่มไฟแนนซ์ อีกทั้งเป็นแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาในช่วงใกล้เลือกตั้ง

Research Highlight: CPI เม.ย. สหรัฐฯต่ำกว่าคาด เข้าใกล้ช่วงการเลือกตั้ง

  • CPI เม.ย. สหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด
    • ก.แรงงานสหรัฐรายงานดัชนี CPI เม.ย. ปรับตัวขึ้น 4.9%YoY ต่ำกว่าตัวเลข คาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 5.0%YoY และชะลอตัวจากระดับ 5.0%YoY ในเดือนมี.ค
    • ส่งผลให้ตลาดเพิ่มน้ำหนักสูงกว่า 93.9% ที่คาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยระดับ 5.00-5.25% ในการประชุม FOMC 14 มิ.ย. และจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเร็วที่สุดในช่วง ก.ย
    • ด้าน US Bond Yield ปรับตัวลง และ Dollar index อ่อนค่า สะท้อนความกังวลภาวะเงินเฟ้อเริ่มลดล
    • ทั้งนี้เราประเมินว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังจะเผชิญกับความเสี่ยงจากการดำเนินนโยบายการเงินและการคลัง  โดยต้องติดตามการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ทั้งปธน.ไบเดน และ ปธ.สภา จะกลับมาเจรจากันอีกครั้งในวันที่ 12 พ.ค. นี้ ซึ่งหากไม่สามารถหาข้อตกลงกันได้ รัฐบาลสหรัฐอาจเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ ภายในวันที่ 1 มิ.ย. ทําให้คาดการณ์ได้ว่าเฟตมีแนวโน้มเลือกที่จะชะลดการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจ
    • ในเชิงกลยุทธ์แม้ตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาจะช่วยหนูนบรรยากาศการลงทุน แต่ในเชิงสถิติพบว่า หลังเฟดเริ่มชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย มักจะทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลง
  • ราคาน้ำมันปรับตัวลง
    • EIA รายงานสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 พ.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์ และสวนทางกับที่ตลาดคาด
    • ทั้งนี้ สต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย และการนำเข้าน้ำมันดิบที่ลดน้อยลงของสหรัฐ รวมทั้งข้อมูลการค้าที่ซบเซาของจีนในเดือนเม.ย.หลังเพิ่มขึ้น +8.5%YoY เทียบกับเดือนก่อนที่ +14.8%YoY ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมัน นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและวิกฤตการณ์ในภาคธนาคาร
    • ในเชิงกลยุทธ์เป็นบวกต่อกลุ่ม Anti-commodity เราชอบ SCC SCGP TASCO OSP
  • ติดตาม
    • CPI เม.ย. ของจีน คาดว่าดัชนี CPI จะปรับตัวขึ้นเพียง 0.3% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2564 และบ่งชี้การชะลอตัวของเงินเฟ้อเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน อย่างไรก็ดี ตลาดมีความกังวลกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่อาจจะไม่ได้เร็วอย่างที่คาดหวัง จากค่าเงินหยวนที่อ่อนค่า รวมถึงยังมีประเด็นความขัดแย้งกับแคนาดาได้เนรเทศทูตออกจากจีน
  • Investment Strategy
    • ประเมิน SET Index แกว่งตัว sideway ระยะสั้นเน้นยืนแนวรับ 1560 ไม่ควรต่ำกว่าเพื่อคงโมเมนตัมบวกขาขึ้น แนวต้านทดสอบ 1572/1580 เป็นกรอบพิจารณาเล่นรอ
    • เข้าสู่ช่วงการประกาศงบ 1Q66 หากมีหุ้นไหนรายงานผลประกอบการดีกว่าคาดจะเห็นชื้อเพิ่มขึ้น / เป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง
    • Selective buy กลุ่มการเงิน TIDLOR THANOI SGC SINGER กลุ่มอสังหาฯ SPALI AP กลุ่มค้าปลีกและอาหาร CPALL BJC CRC TU OSP กลุ่ม Mid-small cap SISB NCAP MOSHI SABUY AURA

Global Markets

(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ ติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐ หลังจากการเจรจาระหว่างประธานาธิบดี โจ ไบเดน และผู้นำสภาคองเกรส ยังไม่มีความคืบหน้า

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่ยังคงอยู่ในระดับสูง

(-) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดลบ หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

(-) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดลบ จากแรงชายทําทําไรในช่วงท้ายตลาด หลังราคาทองพุ่งขึ้นในช่วงแรก ซานรับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.ของสหรัฐที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ เมื่อเทียบเป็นรายปี

หุ้นเคาะไป คุยไป..SPALI

  • SPALI รายงานการสุทธิ 1Q66 เท่ากับ 108 พันล้านบาท (-50%QoQ, -8%YoY) แม้จะมีรายได้โอนเพิ่มสูงขึ้น 5%YoY แต่หดตัว 41%QoQ จากการโอนโครงการแนวราบที่เพิ่มขึ้น โดยสัดส่วนการโอนโครงการแนวราบเท่ากับ 69% เทียบกับปีก่อนที่สัดส่วน 56% ขณะที่การหดตัวแรง QoQ มาจากในช่วง 4Q65 เป็นช่วงเร่งโอนก่อนจะสิ้นสุดผ่อนคลายมาตรการ LTV และยังไม่มีคอนโดใหม่เริ่มโอน ส่งผลให้มี GPM ที่ปรับตัวลดลงเหลือ 36.6% จาก 39.5% ใน 1Q65 และ 37.6% ใน 4Q66
  • แนวโน้มช่วงที่เหลือของปีจะเติบโตต่อเนื่อง ประเมินผลประกอบการ 1Q66 เป็นจุดต่ำสุดของปี โดยใน 2Q66 จะเริ่มโอนโครงการคอนโด 1 โครงการ มีมูลค่ารวม 1.46 พันล้านบาท ขายได้แล้ว 97% และคาดว่าจะหนุนให้ GPM เฉลี่ยดีขึ้น (GPM เฉลี่ยแนวราบ 36-37% และคอนโด เฉลี่ย 39-40%) ขณะที่สิ้นงวด 1Q66 มี backlog กว่า 1.9 หมื่นล้านบาท โอนในปี 1.47 หมื่นล้านบาท จึงคาดว่ายอดโอนแนวราบจะเร่งตัวขึ้นตามแผนการเปิดโครงการใหม่
  • ด้านเป้า Presale อยู่ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท (+11%YoY) เป้ารายได้ขายเท่ากับ 3.6 หมื่นล้านบาท (+1%YoY) โดยปีนี้จะมีการโอนโครงการคอนโด 2 แห่ง เริ่มโอนตั้งแต่ 2Q66 และ 3Q66 อีก 1 โครงการ มูลค่ารวม 3.76 พันล้านบาท ทั้งนี้จะเปิดโครงการใหม่ 37 โครงการ มูลค่ากว่า 4.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 80% (ต่างจังหวัด 42%) และ 20% เป็นโครงการ คอนโด
  • ในเชิง valuation เรามองว่าราคาซื้อขายปัจจุบันน่าสนใจ โดยอยู่บน PE เพียง 5 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี – 20 S.D, และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 8.95 เท่า โดยมีปัจจัยหนุนราคา ด้านแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ระดับ GPM ที่สูงขึ้น และภาพเศรษฐกิจที่ ฟื้นตัวจากการเบิตประเทศ หนุนกำลังซื้อในต่างจังหวัดมากขึ้น
- Advertisement -