สรุปภาวะตลาด

วันศุกร์ท่ีผ่านมา ดัชนีปรับตัวเคลื่อนไหวในแดนบวก จากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันที่ระดับต่ำกว่า 2 หมื่น/รายต่อวัน ซึ่งนายกคาดจำนวนผู้ติดเชื้อจะทำระดับสูงสุดในช่วงส้ินเดือน แต่ยังต้องคอยติดตามต่อไป ในส่วนของราคาน้ำมันท่ีปรับตัวลงต่อเนื่อง ยังคงกดดันต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี แม้ภาพรวมดัชนีจะปรับตัวบวกประมาณ 9 จุดแต่จำนวนหุ้นที่ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าจำนวนหุ้นท่ีปรับตัวลง ส่งผลให้ ดัชนี SET Index ปิดตลาดท่ี 1,553.18 จุด +8.90 จุด +0.58% มูลค่าการซื้อขาย 82,371 ลบ. ต่างชาติ -2,572.55 ลบ. TFEX -9,536 สัญญา ตราสารหน้ี -1,559.01 ลบ.

ปัจจัยบวก

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มข้ึน 225.96 จุด +0.65% ได้ แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวข้ึน แต่ในรอบ สัปดาห์ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 1.1% ท่ามกลางความวิตกว่า FED อาจจะเริ่มคุมเข้มนโยบายการเงินเร็วกว่าคาด

+ สหรัฐเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อบริจาควัคซีนให้ประเทศอื่นๆ ได้มากขึ้น โดยเฉพาะ ประเทศที่ไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนได้

+ FDA ของสหรัฐจะอนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์อย่างเต็มรูปแบบ (full approval) ในวันท่ี 23 ส.ค.

+ สภาฯ ผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 65 กรอบวงเงินที่ 3.1 ล้านล้านบาท ด้วยคะแนนเสียง 257:189

+ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันน้ีเริ่มชะลอตัวลง พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 17,491 ราย มีผู้เสียชีวิต 242 ราย รักษาหาย 22,134 ราย

ปัจจัยลบ

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 1.37 ดอลลาร์ -2.2% ปิดที่ 62.32 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลงเป็นวันท่ี 7 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายสัญญา น้ำมันดิบท่ามกลางความวิตกว่าความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจะลดลงท่ัวโลก ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

– สหรัฐก่าลังตรวจสอบรายงานท่ีว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทโมเดอร์นาเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มข้ึนจากการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (myocarditis) ในกลุ่มผู้ใหญ่ท่ีอายุน้อย

– จีนรายงานว่าการผลิตเหล็กกล้าดิบในเดือนก.ค.ลดลง 8.4% YoY แตะที่ 86.79 ล้านตัน

– กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียแถลงว่า มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่ของสหรัฐ แสดงให้เห็นว่าคณะทำงานของปธน.โจ ไบเดน “ขาดความมุ่งมั่นทางการเมืองและมีความไม่เต็มใจ” ที่จะสร้างความสัมพันธ์

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ จากแรงซื้อในหุ้นกลุ่ม Reopening Play ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศท่ี ชะลอตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมัน WTI ท่ีปรับตัวลงแรง ยังคงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดดัชนีเคลื่อนไหว ในกรอบ 1,546-1,565 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • Defensive Stock : ADVANC TTW EASTW BGRIM
  • หุ้น Reopening Play : กลุ่มโรงแรม – MINT ERW CENTEL AWC SHR กลุ่มขนส่ง – BEM BTS กลุ่มห้างสรรพสินค้า – CPN CRC MBK กลุ่มร้านอาหาร – AU M ZEN SPA
  • FTSE Rebalance Large Cap Index หุ้นเข้า BBL, KBANK หุ้นออก BBL-F, KBANK-F , AWC, BJC, DIF : Mid Cap Index หุ้นเข้า AWC, BJC, DIF หุ้นออก ไม่มี : Small Cap Index หุ้นเข้า : JMART, STARK หุ้น ออก – FTREIT

หุ้นรายงานพิเศษ

TIDLOR (Bloomberg Consensus 50.00 บาท)

  • (+/-) 2Q64 รายงานกำไรสุทธิ 778 ล้านบาท +177%YoY -1%QoQ เนื่องจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดข้ึน (ECL) %NPL เพิ่มเล็กน้อยเป็น 1.6% จาก 1.5% ใน 1Q64 ขณะที่ Coverage Ratio อยู่ที่ 306% เทียบกับ 329% ใน 1Q64 รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ +60%YoY 1H64 มีกำไรสุทธิ 1,561 ล้านบาท +59%YoY D/E 2x ลดลงจากระดับ 3.5x ณ ปลายปี 63 หลังเข้าจดทะเบียนในตลท.
  • (+) สินเช่ือไตรมาสสองชะลอตัวจากพฤติกรรมลูกค้าปิดบัญชีเร็วขึ้น แต่พอร์ตมอเตอร์ไซต์เติบโตสูงมาก ผู้บริหาร เชื่อว่าสินเชื่อยังโตต่อเนื่องท้ังด้านสาขาและเพิ่ม self service ใช้กลยุทธ์เน้นสินเช่ือจำนำทะเบียนมอเตอร์ไซค์ท่ี ยังเติบโตดี และบัตรกดเงินสด “บัตรติดล้อ” ซึ่งมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นกว่า 60% ณ ส้ินเดือนมิ.ย
  • ความเห็น แนวโน้ม 3Q64 ชะลอตัว ทั้ง YoY QoQ จากผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกสาม อย่างไรก็ดี ภาพรวมท้ังปีเทียบกับปีก่อนเติบโตดี Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 64 เฉลี่ย 3,207 ล้านบาท +33%YoY ราคาหุ้นลดลง 11%YTD แนะนำทยอยซื้อ

หุ้นมีข่าว

(+) BPP (Bloomberg Consensus 22.00 บาท) เกมใหญ่รุกลงทุนอีก หลังเจาะฐานสหรัฐได้ ชี้ตลาดใหญ่ดีมานด์ใช้ไฟสูง จ่อบุ๊ก TempIe I ไตรมาส 4 เดินหน้าดีลเทกโอเวอร์ต่างประเทศ หวังผลบุ๊กก่าไรเร็ว ครึ่งหลังรับรู้รายได้จ่ายไฟเพิ่มสูงถึง 840 เมกะวัตต์ ดันปลายปี แตะ 3330 เมกะวัตต์ มั่นใจเข้าเป้า 5300 เมกะวัตต์ ภายใน 5 ปี (ที่มา ทันหุ้น)

(+) FORTH (Bloomberg Consensus – บาท) เดินหน้าประมูลงานภาครัฐในปี 2564-2565 มูลค่า 9.7 พันล้านบาท มั่นใจโอกาสคว้างาน 70% ขณะที่ปัจจุบันตุน Backlog กว่า 2.3 พันล้าน บาท จ่อรับทรัพย์คาเฟ่อัตโนมัติ “เต่าบิน” ตั้งเป้า 3 ปี ขยายเพิ่มเป็น 3 หมื่นตู้ หวังโกยยอดขายวัน ละ 1 ล้านแก้ว คาดมาร์จิ้นสูงถึง 60% มั่นใจโอกาสเติบโตสูง พร้อมคงเป้ารายได้ปีนี้ 8.5-9 พันล้าน บาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PTTGC (Bloomberg Consensus 74.50 บาท) มั่นใจรายได้ปีนี้เข้าเป้าโต 8-10% รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันทรงตัวสูง ดันราคาขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีพุ่ง ขณะท่ีแผนเทนเดอร์ฯ VNT คาดเริ่มไตรมาส 4/64 โบรกฯ คาดจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 1.50 บาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) IIG (Bloomberg Consensus 37.50 บาท) ประกาศก้องโตทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น CRM-ERP และ CEM ท่ีคาดโตไม่ต่ำกว่า 100% หลังภาคเอกชนหันมาใช้บริการคลาวด์เพิ่มขึ้น ล่าสุดเซ็นสัญญาเป็นตัวแทนขายซอฟต์แวร์เพิ่ม พร้อมจับมือพาร์ตเนอร์รุกด้านดิจิทัลอินชัวรันส์ (ท่ีมา ทันหุ้น)

ปัจจัยจับตาในประเทศ

23 ส.ค.กระทรวงพาณชิย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า ธปท.แถลงผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ 2Q64

สัปดาห์ที่ 4 สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค 1500 ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

24 ส.ค. ส.อ.ท. แถลงยอดการผลิต และส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์

สัปดาห์ที่ 5 สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม 25-27 ส.ค.ตลท. เตรียมจัดงานไทยแลนด์โฟกัส 29 ส.ค. คาร์ม็อบท่ัวประเทศ

31 ส.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ปัจจัยจับตาต่างประเทศ

23 ส.ค. อียูและสหรัฐรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต สหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค.

24 ส.ค.สหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค.

25 ส.ค. สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ก.ค. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

26 ส.ค.สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

27 ส.ค. จีนรายงานกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ค.

สหรัฐรายงานดัชนี PCE เดือนก.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค.

26-28 ส.ค. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จากการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิง

- Advertisement -