บล.บัวหลวง:

Thai Oil (TOP TB/TOP.BK)

TOP – กำไรไตรมาส 1/66 เป็นไปตามที่เราคาด แนวโน้มไตรมาส 2/66 อ่อนตัวลง

เป็นไปตามที่เราคาด แต่สูงกว่าที่ตลาดคาด

TOP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 ที่ 4,554 ล้านบาท ลดลง 37% YoY แต่เพิ่มขึ้น 31 เท่า QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรหลักจะอยู่ที่ 6,545 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97% YoY และ 49% QoQ ผลประกอบการเป็นไปตามที่เราคาด (แต่สูงกว่าที่ตลาดคาด 15%)

ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ

ปัจจัยสําคัญที่อยู่เบื้องหลังกำไรสุทธิที่ลดลง YoY ได้แก่ ผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน (เทียบกับกำไรจากสต็อกที่รายงานในไตรมาส 1/65) แต่ในแง่ของ QoQ ขาดทุนจากสต็อกน้ำมันลดลง ผลการดำเนินงานหลักของ TOP ที่ ปรับตัวดีขึ้น YoY และ QoQ ส่งผลให้กำาไรหลักเติบโต YoY และ QoQ ปัจจัยหลักที่หนุนการเติบโตของกำไรหลัก ได้แก่ 1) อัตราการใช้กำลังการกลั่นที่เพิ่มขึ้น, 2) ปริมาณขายน้ำมันหล่อลื่นที่เพิ่มขึ้น, 3) ค่าการกลั่นตลาดรวม (Market GIM) ที่ปรับตัวสูงขึ้น, และ 4) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่กลับมาปกติ

อัตราการใช้กำลังการกลั่นของ TOP ในไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 112% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 109% ในไตรมาส 1/66 และ 103% ในไตรมาส 4/65 ในขณะที่อัตราการใช้กําลังการผลิตของโรงงานอะโรเมติกส์อยู่ที่ 67% ลดลงจาก 73% ในไตรมาส 1/65 และทรงตัว QoQ ในส่วนของอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานน้ำมันหล่อลื่นอยู่ที่ 79% ปรับตัวลงจาก 89% ในไตรมาส 1/65 (optimization) แต่ปรับเพิ่มขึ้นจาก 43% ในไตรมาส 4/65 (ไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงงานตามแผน) ค่าการกลั่นตลาดรวม (market GIM) อยู่ที่ 11.8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวขึ้นจาก 7.6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาส 1/65 และ 11.1 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาส 4/65 (ค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นและส่วนต่างราคาอะโรเมติกส์และส่วนต่างราคานํ้ามันหล่อลื่นที่สูงขึ้น) นอกจากนี้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลงมาอยู่ที่ 0.6% ในไตรมาส 1/66 จาก 1.3% ในไตรมาส 4/55 (ทรงตัว YoY)

แนวโน้ม

เราคาดว่าค่าการกลั่นจะลดลง YoY ในไตรมาส 2/66 จากฐานที่สูงในไตรมาส 2/65 ค่าการกลั่นมีแนวโน้มอ่อนตัว QoQ เนื่องจากส่วนต่างราคา middle distillates ที่ลดลง (แต่ค่าการกลั่นน่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงกว่าช่วง ก่อนโควิด) อย่างไรก็ตาม ฤดูการขับขี่ในฤดูร้อนของสหรัฐอเมริกาจะหนุนอุปสงค์ก๊าซโซลีน ดังนั้นเราคาดว่าส่วนต่างราคาก๊าซโซลีนจะหนุนค่าการกลั่นได้บางส่วน ต้นทุนน้ำมันดิบคาดว่าจะลดลง QoQ ในไตรมาส 2/66 ส่วนต่างราคาอะโรเมติกส์ (เทียบกับ ULG95) มีแนวโน้มที่จะขยายตัว YoY และ QoQ ในขณะที่ส่วนต่างราคาน้ำมันหล่อลื่นมีแนวโน้มอ่อนตัวลง YoY และ QoQ

จากแนวโน้มดังกล่าว เราคาดว่าค่าการกลั่นตลาดรวม (Market GIM) ของ TOP ในไตรมาส 2/66 จะลดลง YoY และ QoQ อัตราการใช้กําลังการกลั่นจะทรงตัว YoY และ QoQ ในขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานอะโรเมติกส์มีแนวโน้มทรงตัว YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานน้ำมันหล่อลื่นมีแนวโน้มลดลง YoY (ทรงตัว QoQ) ดังนั้นเรา จึงคาดว่ากําไรหลักในไตรมาส 2/26 ของ TOP จะลดลง YoY และ QoQ

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

แม้กำไรสุทธิในไตรมาส 1/66 จะคิดเป็น 38% ของประมาณการกำไรสุทธิในปี 2566 ที่ 12,018 ล้านบาท แต่ เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิไว้ดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากเราคาดว่ากำไรในไตรมาส 2/66 จะลดลง QoQ

คําแนะนํา

เรายังคงชอบ TOP มากที่สุดในหุ้นกลุ่มโรงกลั่น เนื่องจากการเป็นผู้ผลิตที่มีประสิทธิภาพด้านต้นทุนการผลิต ซึ่งจะส่งผลให้กําไรมีความไวต่อการปรับตัวสูงขึ้นของค่าการกลั่น และมูลค่าหุ้นยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PBV ณ สิ้นปี 2566 ที่เพียง 0.7 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 1.4 เท่าอยู่ 1.4 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) เราจึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ

- Advertisement -