บล.บัวหลวง:
SC Asset Corporation (SC TB/SC.BK)
SC – ช่วงโลว์ซีซั่นในไตรมาส 1/66; คาดปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2/66
กําไรเป็นไปตามที่เราและตลาดคาด
SC รายงานกําไรสุทธิไตรมาส 1/66 ที่ 535 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% YoY แต่ลดลง 43% QoQ จากฐานที่สูงในไตรมาส 4/65 ซึ่งเป็นไปตามที่เราและตลาดคาด SC
ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ
กําไรหลักเพิ่มขึ้น YoY เนื่องจากยอดขายที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายอสังหาฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ลดลง QoQ จากฐานที่สูงในไตรมาส 4/65 ยอดขายที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 4.7 พันล้านบาท (โครงการแนวราบ 80% และโครงการคอนโด 20%) เพิ่มขึ้น 30% YoY แต่ลดลง 34% QoQ ยอดขายโครงการแนวราบอยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% YoY แต่ลดลง 28% QoQ ขณะที่ยอดขายโครงการคอนโดอยู่ที่ 914 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 126% YoY แต่ลดลง 50% QoQ เนื่องจากยอดโอนโครงการ 3 แห่งในไตรมาส 4/65 ได้แก่ สโคป หลังสวน (มูลค่าโครงการ 8.3 พันล้านบาท จองแล้ว 35%) สโคป พร้อมศรี (มูลค่าโครงการ 1.0 พันล้านบาท จองแล้ว 38%) และ เดอะ เครสท์ พาร์ค เรสซิเดนเซส (มูลค่าโครงการ 3.1 พันล้านบาท จองแล้ว 15%)
รายได้ค่าเช่าอยู่ที่ 233 ล้านบาท เติบโต 11% YoY และ 3% QoQ ทั้งนี้อัตรากําไรขั้นต้นจากการขายอสังหาฯอยู่ที่ 32.2% ปรับตัวขึ้นจาก 31.0% ในไตรมาส 1/65 และ 31.9% ในไตรมาส 4/65 เนื่องจากยอดโอนโครงการแนวราบระดับไฮเอนด์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงที่เพิ่มขึ้น อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ในไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 18.8% ลดลง 110bps YoY (รายได้ที่เพิ่มขึ้น YoY) แต่เพิ่มขึ้น 150bps QoQ (รายได้ที่ลดลง QoQ) อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิทรงตัวอยู่ที่ 1.2 เท่า ณ สิ้นเดือน มี.ค.
แนวโน้ม
SC มีแนวโน้มรายงานกำไรหลักไตรมาส 2/56 เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ ยอดโอนโครงการแนวราบที่เพิ่มขึ้น ยอดขายที่อยู่อาศัยจะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ SC จะเปิดตัวโครงการเพิ่มขึ้นมูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านบาท (เทียบกับ 930 ล้านบาทในไตรมาส 1/66) ซึ่งรวมถึงโครงการคอนโด 1 แห่ง และโครงการแนวราบ 7 แห่งที่เน้นกลุ่มลูกค้าระดับบน เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายอสังหาฯ จะปรับตัวดีขึ้นซึ่งจะอยู่ในช่วง 32.5-33.5% เพิ่มขึ้น YoY (ทรงตัว QoQ) เนื่องจากสัดส่วนอัตรากําไรที่เพิ่มขึ้น อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารต่อยอดขายมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ (แผนเปิดตัวโครงการที่มากขึ้นในปี 2566 ของ SC ซึ่งเริ่มในไตรมาส 2/66) นอกจากนี้ SC มีแผนเปิดตัวโครงการอื่นๆ เพิ่มในครึ่งหลังของปี 2566 มูลค่ารวม 2.4 หมื่นล้านบาท ปัจจัยดังกล่าวน่าจะหนุนทั้งยอดจองซื้อและโมเมนตัมกำไรที่จะเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/66 เป็นต้นไป โดยเฉพาะในครึ่งหลังของปี 2566
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
เราประมาณการกำไรหลักปี 2566 เชิงอนุรักษ์นิยม ที่ 2.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% YoY เราคาดยอดขายที่อยู่อาศัยที่ 2.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% YOY เราคาดอัตรากำไรหลักจะอยู่ที่ 11% ทรงตัว YoY เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดตัวโครงการใหม่ อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิจะอยู่ในช่วง 0.9-1.0 เท่า ณ สิ้นปี 2566 กำไร 3 เดือนแรกของปี 2566 คิดเป็น 20% ของประมาณการกำไรปี 2566 ของเราและตลาด
คำแนะนำ
SC จะสร้างโมเมนตัมการเติบโตของกำไรในทุกไตรมาสตั้งแต่ไตรมาส 2/66 ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 4/66 ราคาหุ้นปรับตัวลงล่าสุดได้สะท้อนผลประกอบการไตรมาส 1/66 ที่อ่อนตัวไปในราคาแล้ว เรามองว่านี่เป็นโอกาสในการเข้าซื้อสําหรับการฟื้นตัวครั้งต่อไปจากโมเมนตัมการเติบโตของกำไร หุ้นซื้อขายที่ระดับ PER ปี 2566 ที่ 7.0 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอสังหาฯ ที่ 10.6 เท่า จากประมาณการกำไรของเราได้ ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2566 ที่ได้มาจากวิธี SOTP ที่ 4.50 บาท โดยอิงจาก PER ของธุรกิจอสังหาฯ อยู่ที่ 6.5 เท่า และมูลค่าตลาดที่ 1.0 บาท/หุ้น (คิดลด 20% จากราคาประเมิน)