หวังจากภายในช่วยประคอง / 1,555-1,575
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- หวังจากภายในช่วยประคอง: คาด SET Index วันนี้ย่อก่อนแต่มองโดยรวมแกว่ง Sideways รับแรงกดดันจาก 1) ปัญหาเพดานหนี้ ของสหรัฐฯ ที่ล่าสุดยังคงเป็นปัจจัย Overhang ตลาด ทั้งนี้ตลาดรอจับตาการเจรจาที่จะเกิดขึ้นในคืนวันนี้ (12 พ.ค. 66) ระหว่าง ปธน. ใจโบเดน และเควินแมคคาร์ธี ปธ.สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ภายหลังการเจรจาเมื่อวันอังคารไม่ประสบความสำเร็จ และ 2) ราคาน้ำมันดิบทั้ง WTI และ Brent ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ 2.33% และ 1.33% ตามลำดับ หลังตลาดยังกังวลภาวะ ศก. ถดถอยที่อาจกดดันอุปสงค์การใช้น้ำมัน อีกทั้งตอนรับตัวเลขข้อมูลศก.จีน ไม่สดใส โดยอาจกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งมี Impact ต่อ SET Index สูง อย่างไรก็ดี ทางฝ่ายคาดหวังปัจจัยบวกภายในประเทศจะช่วยลดทอน Sentiment เชิงลบให้กับ SET Index ได้ ไม่ว่าจะเป็น 1) ภาพรวม ศก.ไทยที่ยังส่งสัญญาณฟื้นตัว โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว และถูกสะท้อนผ่านดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน 2) การเลือกตั้งของไทยที่จะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. 66 นี้ ซึ่งคาดจะยังคงหนุนแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องการจับจ่ายใช้สอย และหุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับการเมืองสอดรับกับสถิติ 1 เดือนหลังเลือกตั้งที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก และ 3) แรงเก็งกำไรผลประกอบการของ บจ.ในไทยที่ออกมาดีกว่าคาด และมีแนวโน้มดีต่อ นอกจากนี้อาจเห็นแรงชื่อหุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้าคำนวณใน MSCI ที่ประกาศเช้านี้ ได้แก่ MAKRO, TIDLOR, SAPPE และ SISB สำหรับปัจจัยสัปดาห์หน้าที่ต้องติดตามคาดหลัก จะอยู่ที่การประกาศตัวเลข GDP1Q66 ของไทยว่าจะสอดรับเป้าหมายการเติบโตที่ตั้งหรือไม่ เบื้องต้นตลาดคาด +2.4%y-y และตัวเลขอุตสาหกรรมและค้าปลีกจีน เบื้องต้นคาดออกมาสดใส
- กลยุทธ์ลงทุน: 1) Spending+เลือกตั้ง: AEONTS, BEM, BJC, CPALL, HMPRO, ICHI, MAKRO, OSP และ TIDLOR 2) เก็งงบ: AOT (2Q66), CK, CPN, CRC, SAPPE และ SISB 3) Anti-Commodity: BGRIM, SCC, SCGP และ GULF
ปัจจัยบวก
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน เม.ย. 66 ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 53.8 มาอยู่ที่ระดับ 55.0 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง เป็นเดือนที่ 11 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 38 เดือน
- SCB EIC ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 66 เป็น 3.9% จากเดิม 3.4% ด้วยแรงหนุนภาคท่องเที่ยวและ ภาคบริการฟื้นตัวดี และคาดจํานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 66 จะอยู่ที่ 30 ล้านคน และกลับไปช่วงก่อนโควิด-19 ช่วงปลายปี 2567
- MSCI ประกาศรายชื่อหุ้นที่ถูกเข้าคำนวณในรอบนี้ ซึ่งจะปรับน้ำหนักโดยใช้ราคาปิดวันที่ 31 พ.ค 66 ดังนี้ MAKRO เข้า MSCI Global Standard ขณะที่ JMT TU ถูกลดชั้นลงมาอยู่ MSCI Global Small Cap พร้อมทั้ง เพิ่ม TIDLOR, SAPPE และ SISB เข้าคํานวณ
ปัจจัยลบ
- จีนเผยตัวเลข CPI เดือน เม.ย. 66 ขยายตัว 0.1% y-y ต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี นับตั้งแต่ต้นปี 2564 ในขณะที่ ตัวเลข PPI เดือน เม.ย. 66 ปรับตัวลงต่อเนื่อง คาดกดดันรัฐบาลจีนจําเป็นต้องใช้มาตรการกระตุ้น ศก. เพิ่มเติม เพื่อพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวหลังการระบาดของโควิด-19
- เกาหลีใต้เปิดเผยตัวเลขการส่งออกช่วง 10 วันแรกของ เดือน พ.ค. 66 (วันที่ 1-10) ลดลง 10.1% y-y และเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 แล้วจนถึงเดือน เม.ย. 66
PICKS OF THE DAY
CRC BUY
- เป้าหมาย 47.50/49.75 แนวรับ 45.25/46.00
- กำไร 1Q66 คาดโตดี ได้ SSSG หนุน: ทางฝ่ายคาดกำไรสุทธิช่วง 1Q66 คาดเติบโต y-y หลังได้แรงหนุนบวกจากการเปิดเมืองเปิดประเทศช่วยกระตุ้นการจับจ่าย อีกทั้งในช่วงต้นปียังมีมาตรการจากภาครัฐฯ อย่าง “ช้อปดีมีคืน” เข้ามาสนับสนุน ผลักดัน SSSG ฟื้นตัวเด่น ตลอดจนรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นตามการให้ส่วนลดค่าเช่าที่ลดลง
- ผลดำเนินงานคาดดีต่อใน 2Q66: ทางฝ่ายยังมองบวกต่อ 2Q66 ที่คาดผลดำเนินงานดีต่อจากเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวต่อ หนุน SSSG โต y-y, เงินเฟ้อที่ชะลอลง ดีต่อกำลังซื้อฟื้น และอานิสงส์บวกจากต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ราคาต่อหน่วยจะเริ่มลดลงในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. 66 หลังค่า Ft ลดลง
MAJOR BUY
- เป้าหมาย 16.70/17.20 แนวรับ 15.20/15.50
- 1Q66 กำไรดีกว่าตลาดคาด, 2Q66 คาดดีขึ้น q-q, y-y: 1Q66 มีกำไร 70 ลบ. ดีกว่าตลาดและทางฝ่ายคาด ซึ่งแนวโน้ม 2Q66 จะดีขึ้น q-q, y-y จากหนังใหญ่ที่ทยอยเข้าฉายเพิ่มขึ้นเป็น 6-7 เรื่อง หนุนภาพธุรกิจโรงหนัง อาหาร/เครื่องดื่ม และโฆษณาฟื้น
- คาดมีกำไรพิเศษขาย MPIC และ 2H66 ดีต่อเนื่อง: การขาย MPIC เสร็จสิ้น พ.ค. จะมีการบันทึกกำไรพิเศษก่อนภาษี 650 ลบ. อีกทั้ง 2H66 หนังใหญ่ยังทยอยเข้าฉาย และยังเปิดโรงเพิ่มอีก 45-50 โรง และปลาย 2Q66 จะมีการ Relaunch ป๊อบคอร์นขายใน 7-11 อีกครั้ง ประกอบกับยอด ขาย delivery ยังไปได้ดี มีแผนเพิ่มKiosks จาก 20 แห่ง เป็น 50 แห่ง ภาพ 2H66 จึงยังดูดีอยู่