บล.ฟิลลิป:

เจริญโภคภัณฑ์อาหาร – CPF ครึ่งปีหลังคาดยังไม่ฟื้นตัวจาก COVID-19

COVID-19 ทำให้ทุกอย่างชะลอลง

ทางฝ่ายคาดว่าช่วงที่เหลือของปียังไม่ฟื้นตัวเทียบกับครึ่งปีแรกจาก COVID-19 ที่กลับมาระบาดระลอกใหม่ทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งกระทบต่อกำลังซื้อให้ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติทั้งในไทยและในต่างประเทศ

ไทย: ได้รับผลจากกำลังซื้อที่หดตัว ส่งผลให้ราคาเนื้อสัตว์ยังไม่ฟื้นตัว อีกทั้งยังได้รับผลจากราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น

จีน: ปริมาณการเลี้ยงหมูในจีนกลับมาสู่ภาวะปกติก่อนเกิด ASF ส่งผลให้ราคาขายอ่อนลง ทำให้การดำเนินงานในจีนอาจไม่ดีเท่าปีก่อนหน้า แต่คาดราคาผ่านจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา

เวียดนาม: โรค ASF ยังมีอยู่ ประกอบกับได้รับผลจาก COVID-19 ทำให้ราคาขายปรับลงมา อย่างไรก็ตาม คาดราคาขายยังทรงตัวที่ระดับ 75-80 บาทต่อกิโลกรัมได้จนถึงสิ้นปีนี้

จากแนวโน้มการดำเนินงานครึ่งปีหลังที่อาจดูฟื้นตัวช้าภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ประกอบกับงบ 2Q64 ออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้ทางฝ่ายปรับลดประมาณการลงจากเดิม 21% ภายใต้ยอดขาย 507,957 ล้านบาท ลดลง 14% y-y และได้ปรับลด margin ลงจากเดิม จากราคาเนื้อสัตว์ที่ลดลงกว่าคาด พร้อมทั้งได้ปรับลดการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก บ.ร่วมลงเหลือ 4,165 ล้านบาท ลดลงจากเดิมจากการดำเนินงานหลักๆ ทั้ง CPALL, CTL, Hylife และโลตัสที่การดำเนินงานในครึ่งปีแรกต่ำกว่าคาดมาก คิดเป็นเพียง 27% ของประมาณการเดิม อีกทั้งแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปียังมีปัจจัย COVID-19 มากดดันเพิ่มขึ้น ทำให้ปรับลดกำไรก่อนรายการพิเศษเหลือ 14,847 ล้านบาท ลดลง 14% และปรับลดกำไรสุทธิลงเหลือ 15,989 ล้านบาท ลดลง 39% y-y 

การดำเนินงานในต่างประเทศมีทั้งบวกและลบ

สำหรับการดำเนินงานในต่างประเทศนั้น จะเห็นว่าในปีนี้ฟิลิปปินส์, รัสเซียและกัมพูชาเป็น 3 ประเทศที่กำไรเติบโตได้โดดเด่นหากเทียบกับประเทศอื่นๆ หลักๆได้อานิสงส์จากราคาเนื้อสัตว์ที่เพิ่มขึ้นจาก ASF ที่เกิดขึ้นในฟิลิปปินส์และกัมพูชา ส่วนที่รัสเซียได้ประโยชน์จากต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำกว่าหากเทียบกับประเทศอื่นๆ และราคาเนื้อสัตว์ที่ดีทำให้คาดว่าจะเป็น 3 ประเทศที่กำไรปี 64 จะเติบโตได้โดดเด่น อย่างไรก็ตาม จะมี 2 ประเทศ คือ อินเดีย (ดำเนินธุรกิจไก่, พันธุ์สัตว์น้ำ และอาหารสัตว์น้ำ) และสหรัฐ (ผลิตอาหารพร้อมทาน) ที่การดำเนินงานยังไม่ฟื้นตัว อีกทั้งได้รับผลกระทบเพิ่มจาก COVID-19 เกิดขึ้น คงแนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาพื้นฐานลงเหลือ 31.50 บาท แม้คาดช่วงที่เหลือของปีการดำเนินงานอาจไม่สดใสนัก แต่หาก valuation กลับมาน่าสนใจอีกครั้งซื้อขายบน P/E เพียง 14 เท่า มีส่วนลดมากเกินไปหากเทียบกับผู้ประกอบการในกลุ่มส่งออกด้วยกัน ทางฝ่ายคงแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับลดราคาพื้นฐานลงเหลือ 31.50 บาท สะท้อนการปรับลดประมาณการลงจากเดิม 

- Advertisement -