กังวลกันมากเกินไป

วันนี้คาดตลาด “Rebound”

แนวรับ 1,540 / 1,530 แนวต้าน 1,555 / 1,565 ตลาดปรับตัวลงจากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายไม่เอื้อทุนผูกขาดมากเกินไป ขณะที่เราเช่ือว่าผลกระทบต่อหุ้นบางกลุ่มมีค่อนข้างจำกัด

 

 

Our View? “กังวลกันมากเกินไป”

คาดตลาดวันนี้ “Rebound” มองแนวรับที่บริเวณ 1,540 / 1,530 และแนวต้านที่บริเวณ 1,555 / 1,565 เรามองการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ มีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของหุ้นขนาดใหญ่ ที่อาจเผชิญความเสี่ยงจากนโยบายไม่เอื้อกลุ่มทุนผูกขาดของพรรคก้าวไกล หลังสามารถได้คะแนนเสียงสูงสุด และเป็นแกนนำหลักในการจัดตั้งรัฐบาล โดยเมื่อวานนี้ได้มีการแถลงข่าวว่าจะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคเพื่อไทย ประชาชาติ ไทยสร้างไทย เสรี รวมไทย และพรรคธรรม ทำให้ได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ ที่ 309 เสียง ตามที่เราคาดไว้เมื่อวานนี้ อย่างไรก็ดี เรามองว่าตลาดมีความกังวลต่อประเด็นดังกล่าวมากเกินไป เราเชื่อว่าการออกนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อหุ้นในกลุ่มทุนผูกขาด อาจทำได้แต่หุ้นที่เกี่ยวข้องกับสัมปทานรัฐ อาทิ โรงไฟฟ้า-พลังงาน ขณะที่หุ้นกลุ่มอื่น อาทิ สื่อสาร-ค้าปลีก ที่มีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นประชาชนทั่วไป คาดจะได้รับผลกระทบที่จำกัดอย่างไม่มีนัยสำคัญ มองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงอีก

ทั้งเมื่อวานนี้การรายงานตัวเลข GDP 1Q66 ออกมา +2.7% YoY และ +1.9% QoQ มากกว่าที่ตลาดคาด  สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ชัดเจนมากขึ้น โดยเป็นการฟื้นตัวขึ้นในเกือบทุกเครื่องยนต์เศรษฐกิจของไทย ยกเว้นภาคอุตสาหกรรมที่ยังหดตัวอยู่ มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางของตลาดหุ้นไทย โดยเรายังชอบหุ้นในกลุ่ม Domestic Play อาทิ 1.) หุ้นในกลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะธนาคารขนาดกลาง-ใหญ่ (KBANK, SCB, BBL, KTB และ TTB) จากผลประกอบการ 1Q’66 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด พร้อมทั้ง 2Q′66 มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อ 2). หุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, MAKRO และ BJC) ที่เราคาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และอยู่ในภาพการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวในประเทศจากการบริโภคและการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ 3) หุ้นในกลุ่มสถานประกอบการน้ำมัน (OR และ PTG) เรามองแนวโน้มค่าการตลาดที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง ขณะที่แรงกดดันค่าการตลาดน้ำมันดีเซลผ่อนคลายลง จากช่วงคุมราคาน้ำมันขายปลีกดีเซลไม่เกิน 35 บาทหมดไป  รวมทั้งคาดได้รับแรงหนุนจากการใช้บริการที่เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยว คาดจะหนุนทิศทางกำไรในช่วง 2Q’66 ฟื้นตัวขึ้นได้ต่อ

สําหรับปัจจัยต่างประเทศคาดตลาดจะให้ความสนใจกับการเจรจาระหว่าง ปธน.โจ ไบเดน และ นายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เกี่ยวกับการออกกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ในสัปดาห์นี้ หลังจากกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐก่อนหน้า พ่วงด้วยเงื่อนไขในการปรับลดการใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงอาจมีการปรับลดการเรียกเก็บภาษีของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคเดโมแครตไม่เห็นด้วย ซึ่งหากไม่ผ่านหรือไม่สามารถตกลงร่วมกันได้ อาจนำมาสู่การเกิด Government Shutdown และเป็นปัจจัยลบต่อทิศทางตลาดได้ อย่างไรก็ตาม เรามองประเด็นดังกล่าวคาดจะส่งผลให้ตลาดผันผวนได้บ้างในช่วงสั้นเท่านั้น จากการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราคาดว่าในท้ายที่สุดทั้ง 2 ฝ่ายคาดจะสามารถตกลงร่วมกันได้และจะทำให้ตลาดผ่อนคลายความกังวลดังกล่าวในระยะถัดไป

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน มิ.ย. เมื่อคืนนี้เริ่มรีบาวด์กลับขึ้นบ้างปิดที่ระดับ 71.11 ดอลลาร์/บาร์เรล +1.07 ดอลลาร์ หรือ +1.53% แม้ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสเกิดภาวะถดถอยในช่วง 4Q’66 แต่คาดราคาน้ำมันจะได้รับปัจจัยหนุนจากการที่แคนาดาเผชิญปัญหาไฟฟ้า และคาดจะส่งผลให้มีการระงับการผลิตน้ำมันต่อไปมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้า ลดทอนอุปทานน้ำมันในระยะสั้นได้บ้าง คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มพลังงานรีบาวด์กลับขึ้นบ้างในระยะสั้น

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “CPALL”

  • ราคาปรับตัวลงแรงอยู่ในโซนน่าสนใจ ขณะที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว และแนวโน้มค่าไฟลดลงช่วยหนุนกำไรปรับตัวขึ้นต่อ
  • ทางเทคนิค อยู่ในขาขึ้นอ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับสำคัญที่ EMA200 วัน
  • กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 64.50 / 63.50 Target 68.00 / 70.00 Stop <62.50

- Advertisement -