บล.ฟิลลิป:
AMATA: Story ยังดี แต่ต้นทุนสูงขึ้น
ซื้อ TP’66: 29.80
แม้รายได้จะเติบโตจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว แต่ต้นทุนรวมและค่าใช้จ่าย SG&A ที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ทางฝ่ายคาดผลกระทบจากเงินเฟ้อ จะทำให้ Net Profit Margin ของบริษัทในปีนี้จะลดลง อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมี Story ที่น่าสนใจอยู่มาก ทั้งการรุกเปิดนิคมที่ลาว, ค่าสาธารณูปโภครับที่คาดปีนี้จะเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงโอกาสในการขายที่ดินหลังผ่านโควิด คาดกำไรปี 66 ที่ 2.43 พันลบ. (+3.8%y-y) และ (P/E เหมาะสมที่ 14.11 เท่า) Upside 32.44 %
งบรวม | 1Q66 | 4Q65 | 1Q65 | % y-y | % q-q | 2566E | 2565 | % y-y |
กําไร | 492 | 786 | 553 | -11% | -37% | 2,430 | 2,341 | +3.8% |
EPS | 0.43 | 0.68 | 0.48 | -11% | -37% | 2.11 | 2.04 | +3.8% |
หมายเหตุ: กำาไร = ล้านบาท, EPS = บาท
- งวด 1Q66 กำไรลดลงทั้ง q-q และ y-y: งบงวด 1Q66 ผิดจากที่ทางฝ่ายคาดไว้ว่าจะเติบโตต่อแบบ y-y แม้ว่ารายได้รวมจะเพิ่มขึ้นสู่ 2.17 พันลบ. (+26.5%y-y) จากการขายที่ดินในไทยได้ 128 ไร่ (1.19 พัน ลบ.) รวมทั้งรายได้ค่าสาธารณูปโภคในนิคมที่เติบโต แต่ต้นทุนรวมเพิ่มขึ้นมากกว่าสู่ 1.02 พันลบ. (+95.0%y-y) จากค่าใช้จ่ายในธุรกรรมการโอน, การซื้อที่ดินเพิ่มขึ้น, ค่าใช้จ่ายสำหรับกองทุนพนักงานในเวียดนาม รวมถึงการรับรู้ค่าเงินดองและค่าเงินกีบอ่อนค่าลง จึงส่งให้กำไรในงวด 1Q66 เหลือเพียง 492 ลบ. (-11%y-y, -37%q-q)
- คาดไตรมาสที่เหลือของปีนี้จะยังเติบโต: จาก 1) คาดความต้องการสินค้าในนิคมเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวทาง ศก. ซึ่งจะช่วยหนุนค่าสาธารณูปโภครับให้สูงขึ้น 2) การย้ายฐานสู่ไทยและเวียดนามจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ 3) การเปิดสัมปทานนิคมที่ลาว (นาเตย์ 2.5 พันไร่, นาหมอ 1.9 หมื่นไร่) โดยบริษัทได้ลงนามกับรัฐบาลลาวเพื่อพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมสมัยใหม่แล้ว ซึ่งเป็นนิคมต่อจากไทย เวียดนาม และเมียนมาร์ ปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่บริหารสิ้นงวด 1Q66 รวม 9.07 หมื่นไร่ คาดรายได้รวมปี 66 ที่ 9,003 พัน ลบ.(+12%y-y) และคาดกำไรสุทธิ 2,430 ลบ. (+3.8%y-y)., EPS 2.11 บาทต่อหุ้น