Daily Focus: Selective Play

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบแคบตามคาด ก่อนปิดลบเล็กน้อย 1.54 จุด ณ สิ้นวัน โดยยังคงติดตามพัฒนาการของการจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง และการเจรจาเพดานหนี้สหรัฐฯ สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 317 ลบ.และ 1.1 พันลบ. (ต่างชาติพลิกมา Long Index Futures 1.5 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,530-1,550 จุด โดยยังรอดูความชัดเจน และพัฒนาการของการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล ว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมอีก 66 เสียงได้หรือไม่ ขณะที่ต่างประเทศเริ่มมีสัญญาณบวกต่อการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯบ้าง แต่ยังต้องติดตามความคืบหน้าในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ทำให้ภาพรวมตลาดยังเคลื่อนไหวได้จำกัดโดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตามเรา ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และกำไรบจ.ในช่วงที่เหลือของปี โดยเฉพาะกลุ่ม Consumption และ Reopening Play สอดคล้องกับตัวเลข GDP และกำไร 1Q23 ที่ออกมาฟื้นตัว ส่วนภาพเศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยงชะลอตัว หลังตัวเลขเศรษฐกิจทั่วโลกระยะหลังเริ่มส่งสัญญาณชะลอหรือต่ำกว่าคาด เรายังแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่คาดมีผลประกอบการแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มดีต่อใน 2Q23-2H23 ยังชอบหุ้น Domestic/Reopening Play มากกว่า Global Play

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และมีแนวโน้มกำไรแข็งแกร่ง//ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มที่ฐาน 1,500+- จุด

หุ้นเด่นเดือนพ.ค. : BA, BDMS, CPALL, ICHI, TOA

หุ้นเด่นวันนี้ : ICHI

  • แนะนำ “ซื้อ” มีแนวโน้มปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นจาก 14 บาท
  • ระยะสั้นคาดกำไร 2Q23 จะเร่งตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ราว 250 ลบ. +13% q-q, +64% y-y จากรายได้ที่คาดทำ New High หนุนจากทั้งตลาดชาเขียวที่โต ยอดขาย Tansansu เร่งตัวขึ้น และรับรู้รายได้ลูกค้า OEM เป็นไตรมาส ส่วน Margin คาดเร่งตัวตามอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น และต้นทุนเม็ดพลาสติกเริ่มทรงตัว
  • ผู้บริหารมั่นใจกับเป้ารายได้ปีนี้ที่ 7.3 พันลบ. +15% y-y มากขึ้นและมองว่ารายได้ใน 2H23 จะไม่อ่อนตัวลงจาก 1H23 จากลูกค้า OEM ที่เข้ามามากกว่าคาด เรามีแนวโน้มปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้ขึ้นจากปัจจุบันที่ 732 ลบ. +13% y-y ราว 10%
  • แนวรับ 13-12.70 บาท แนวต้าน 14//14.50-15 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาค US$341 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$292 ล้านและ US$122 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออก นำโดยอินโดนีเซียและไทยประเทศละ US$33-40 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังผสมผสาน ยังติดตามพัฒนาการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯที่เริ่มเห็นสัญญาณบวกบ้าง ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจโลกโดยรวมยังเห็นสัญญาณชะลอตัว

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) ภาพรวมกำไร 1Q23 ดีกว่าคาด กําไรสุทธิ +78% q-q, flat y-y ดีกว่าคาด 12% ส่วนกำไรปกติ +58% q-q, -3% y-y ดีกว่าคาด 5% กลุ่มที่มีกำไรดีกว่าคาด ได้แก่ ธนาคาร พลังงาน วัสดุก่อสร้าง สื่อสารฯ ขนส่ง เครื่องดื่ม ส่วนกลุ่มที่ออกมาต่ำกว่าคาด ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ บันเทิง เนื้อสัตว์ ภาพรวมสอดคล้องกับทิศทาง GDP ที่เร่งตัวนำโดยการบริโภคในประเทศและการท่องเที่ยว โมเมนตัมกำไร 2023 คาดว่ายังแข็งแรงต่อเนื่องจากต้นทุน พลังงานที่ทยอยปรับลง และได้อานิสงส์จากการหาเสียงเลือกตั้งที่คึกคัก เป็นบวกต่อ Consumption Play

(-) KCE หลังจากประกาศกำไร 1Q23 ออกมาอ่อนแอและต่ำกว่าคาด รวมถึงเป็นกำไรที่ต่ำสุดในรอบ 10 ไตรมาส ผู้บริหารยังส่งสัญญาณในเชิงลบออกมาต่อเนื่องในการประชุมวันที่ 10 พ.ค. ว่ายังเห็นคำสั่งซื้อจากลูกค้าที่ชะลอตัวลงตามทิศทางการชะลอของเศรษฐกิจโลก ผู้บริหารจะปรับลดเป้ารายได้ปี 2023 ลงจากปัจจุบันที่คาดโต 4-6% เบื้องต้นเราคาดกำไร 2Q23 ที่ 390 ลบ. +13% q-q, -32% y-y จากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่อ่อนแอกว่าคาด เราจึงปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2023 ลง 23% เหลือ 1.8 พันลบ. -21% y-y ปรับลดราคาเป้าหมายเหลือ 35.50 บาท แนะนำ “ถือ”

(+) MINT การประชุมนักวิเคราะห์โทนบวก MINT คาดว่าผลการดำเนินงานใน 2Q23 จะกลับมาแข็งแกร่งจากโรงแรมในยุโรปที่เข้า High Season หนุน RevPar ที่กลับมาสูงกว่าก่อนโควิด 35% ในเดือน เม.ย. ขณะที่ธุรกิจอาหารคาดยังเห็น SSSG เป็นบวกแข็งแกร่งต่อเนื่อง ขณะที่ฝั่งต้นทุนผ่อนคลายลงตามวัตถุดิบและค่าไฟ ภาพรวมคาดว่า EBITDA Margin และกำไรปกติจะกลับไปเกือบเท่าปี 2019 ในปีนี้ และเหนือกว่าได้ในปีหน้า คงราคาเป้าหมาย 40 บาท แนะนำา “ซื้อ”

(+) MSCI Rebalance มีผลราคาปิดวันที่ 31 พ.ค. Global Standard หุ้นเข้า MAKRO หุ้น ออก JMT TU ส่วน Global Small Cap หุ้นเข้า JMT TIDLOR SAPPE SISB TU หุ้นออก ไม่มี

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 336.46 จุด หรือ -1.01% ปิดที่ 33,012.14 จุด หลังจากโฮม ดีโปท์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง และสหรัฐเปิดเผยรายงานยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ ขณะที่นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนทั้งในยุโรปและสหรัฐ

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดผสม ซึ่งนักลงทุนย่อยข้อมูลทางเศรษฐกิจในหลายประเทศ

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 34.12 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 25 เซนต์ หรือ 0.35% ปิดที่ 70.86 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากจีนและสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ แม้สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปีนี้ ในขณะที่เช้านี้ปรับลงต่อที่ระดับ 70.49 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.52%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 29.7 ดอลลาร์ หรือ 1.47% ปิดที่ 1,993 ดอลล่าร์/ออนซ์་ ถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ ที่ระดับ 1,994.50 ดอลลาร์/ออนซ์ +0.08%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 934.93 / +0.86

- Advertisement -