บล.ฟิลลิป:

บีอีซี เวิลด์ – BEC ทั้งปี 2564 กําไรโตดี และต่อเนื่องไปปี 2565

2Q64 ฟื้นตัวแรง y-y แต่ต่ำกว่าที่คาดไว้

กำไร 2Q64 ที่ 185 ล้านบาท +169.2% จากปีก่อนที่ขาดทุน 265 ล้านบาท แต่ก็ต่ำกว่าที่คาดไว้จากต้นทุนและ SG&A สูงกว่าคาด รายได้ใน 2Q64 ออกมาใกล้เคียงคาด และ +27.1% y-y เป็น 1,505 ล้านบาท โดย 1) รายได้หลักจากค่าโฆษณาคิดเป็น 81% มีอัตราการเติบโตที่ 37.8% y-y เป็น 1,222 ล้านบาท แม้ราคาขาย (Ad Rate) จะปรับตัวลง 12.4% เป็น 7.98 หมื่นบาท/นาที จาก 9.11 หมื่นบาท แต่ได้ผลดีจากอัตราการขาย (U Rate) ที่เพิ่มขึ้นเป็น 70.2% จากปีก่อนที่ 44.6% จากการปรับตัวของผู้ลงโฆษณากับสถานการณ์ COVID-19 ได้ดีขึ้น และไม่ได้มีการ lockdown ทั่วประเทศเช่นปีก่อน 2) การให้ใช้ลิขสิทธิ์และบริการอื่นรายได้ทรงตัวจากปีก่อนอยู่ที่ 283 ล้านบาท มีรายได้มาจาก 2 ส่วนคือ 2.1 รายได้การให้ใช้ลิขสิทธิ์จากการ simulcast ละครไปในต่างประเทศ -43.4% จากการ simulcast ไปที่จีนเหลือ 1 เรื่องจากปีก่อน 2 เรื่อง แม้จะมีรายได้จากการ simulcast ผ่าน OTT ไปในแถบอาเซียน แต่รายได้น้อยกว่าไปจีน และ 2.2 รายได้จาก Digital +97% จากละคร first run มากกว่าปีก่อน ส่งผลดีต่อเวปไซต์ 3Plus, Youtube, Facebook และการเพิ่มพาร์ทเนอร์เช่น VIU และ WE TV ต้นทุน +2.7% y-y ยังควบคุมต้นทุนอย่างต่อเนื่อง แต่เพราะมีละคร first run มากกว่าปีก่อน และลิขสิทธิ์ถ่ายทอดวอลเล่ย์บอลหญิง และ SG&A -43.8% y-y แม้ค่าใช้จ่ายขายเพิ่มขึ้นตามรายได้ แต่การปรับโครงสร้างและลดขนาดองค์กรทำให้ค่าใช้จ่ายบริหาร -52.6% แต่หากเทียบ q-q จะเพิ่มขึ้น 41.5% นอกจากค่าใช้จ่ายขายที่เพิ่มขึ้น ยังมีการปรับขึ้นเงินเดือนและการ write off สินทรัพย์

COVID-19 ทำให้รายได้ 3Q64 ชะลอตัว แต่คาดจะไปฟื้นใน 4Q64

3Q64 เริ่มเห็นรายได้ชะลอตัวลงจาก 2Q64 เนื่องจากการแพร่ระบาด COVID-19 และทำให้มีการ lockdown ในพื้นที่สีแดงเข้ม โดยรายได้จะลดลง y-y เช่นกัน แต่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายบางส่วนจะหายไป เช่น ลิขสิทธิ์วอลเล่ย์บอลและการ write off แต่หากเทียบ y-y คาดว่าจะยังสูงขึ้นจากละคร first run ที่มีมากกว่าปีก่อน แต่หากเทียบ 2Q64 คาดลดลงจากนำละครเก่ามา re-run ในช่วงละครค่ำ 11 เรื่อง เพื่อบริหารต้นทุนและคาดรายได้จะกลับฟื้นใน 4Q64 หลังการฉีดวัคซีนให้ประชาชนทำได้มากขึ้น คาดจะเห็นการผ่อนคลายมาตรการเป็นลำดับ ส่งผลดีต่อเม็ดเงินโฆษณาที่จะกลับมาอีกครั้งในขณะที่แนวโน้มรายได้จากการให้ใช้ลิขสิทธิ์ และดิจิทัลยังมีแนวโน้มดีต่อเนื่องจากละคร first run ที่จะส่งผลดีต่อรายได้ดิจิทัล และเวป 3Plus รวมถึงจะมีการจัดอีเว้นท์ผ่านทาง 3Plus Premium  นอกจากนี้ยังร่วมมือกับ VIU Simulcast ละคร 3 เรื่องไปมาเลเซียและอินโดนีเซีย, ร่วมมือกับ Netflix ในการนำละคร 6 เรื่อง simulcast ในอาเซียนและเอเชียรวมถึง 4Q64 จะมีการ simulcast ละครไปที่จีน 1-2 เรื่อง ทำให้เป้ารายได้จาก 2 ส่วนนี้รวม 1,000 ล้านบาทยังเป็นไปได้ ในขณะที่ต้นทุนปรับตัวขึ้นบาง y-y จากละคร first run ที่มีมากกว่า แต่ส่วนที่ลดลงชัดเจนยังเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารที่จากการปรับโครงสร้างองค์กร และครึ่งปีหลังปี 2563 มีค่าชดเชยโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด ร่วมถึงยังรวมงบของบีอีซีเทโรฯ ซึ่งปีนี้ไม่มีคาดครึ่งปีหลัง 2564 กำไรจะโตได้ y-y และ h-h

ปี 2565 คาดจะฟื้นตัวต่อเนื่องจาก COVID-19 ที่คลี่คลายลง

BEC ยังคงใช้นโยบายควบคุมและลดต้นทุน โดยจะลดต้นทุนผลิตละครลงอีก 5-10% แต่การปรับลดค่าใช้จ่ายก็คงทำได้ไม่มากเท่าในปี 2564 ดังนั้นการเติบโตคาดว่าจะมาจากฝั่งรายได้ที่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นหลัง COVID-19 คลี่คลายลงหลังการฉีดวัคซีนทำได้มาก เม็ดเงินโฆษณาคาดจะกลับมาดีขึ้นอีกทั้งจุดเด่น คือละครเย็น (19.00-20.00 น.) ที่มี rating อันดับ 1 ของประเทศ และละครค่ำ (20.33 22.30 น.) รวมถึงรายการประเภทข่าวที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะช่วงที่คุณสรยุทธเป็นผู้อ่านข่าว คาดจะทำให้อัตราการขายในปี 2565 ดีขึ้น y-y ส่วน Ad Rate อาจมีการปรับขึ้นได้ในช่วงที่เรตติ้งดี

ซื้อ (คงคำแนะนํา)

ราคาปิด (บาท) 12.20

ราคาพื้นฐาน (บาท) 15.00 (+26.07%)

- Advertisement -