Daily Focus: Maintain Domestic and Selective Play
2023SET Target: 1700
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงแรงต่อเนื่องและมากกว่าคาด โดยดัชนีปิดลบอีก 17.10 จุด ณ สิ้นวันลงทดสอบฐานแนวรับหลักที่ 1,520+- จุด ฉุดโดยแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ อย่างกระจายตัวโดยเฉพาะตัวที่ Outperform ตลาดในช่วงก่อนหน้า สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 211 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหนักถึง 4.4 พันลบ. (และ Short Index Futures หนาแน่นกว่า 1.8 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index มีโอกาสฟื้นตัวได้บ้างในระยะสั้น หลังจากปรับตัวลง -2.5% WTD จากความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล อย่างไรก็ตาม พัฒนาการในการเจรจาจัดตั้งดูมีความคืบหน้าค่อนข้างชัดเจน รวมถึงเริ่มเห็นแรงสนับสนุนจากสว.บางท่านในการโหวตเลือกนายกฯ ทําให้โอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จมีมากขึ้น และลดแรงกดดันด้านความเชื่อมั่นของตลาดทุน ขณะที่การเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ มีพัฒนาการเชิงบวกเช่นกัน หลังไบเดน ออกมายืนยันว่าจะไม่ผิดนัดชำระหนี้ หนุนเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง ราคาน้ำมันปรับขึ้น 2% เมื่อคืนที่ผ่านมา คาดว่าจะหนุนกลุ่มพลังงานให้ Rebound ได้ เรายังคงเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่จะทยอยดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี โดยเฉพาะกลุ่ม Consumption และ Reopening Play ที่ยังเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนในปีนี้ ในช่วงที่ส่งออกยังแผ่วตามภาพเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอ ยังชอบหุ้น Domestic Play มากกว่า Global Play
กลยุทธ์ : ยังคงเน้นหุ้น Domestic และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว//ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มที่ฐาน 1,500+- จุด
หุ้นเด่นเดือนพ.ค. : BA, BDMS, CPALL, ICHI, TOA
หุ้นเด่นวันนี้ : PJW
- แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.40 บาท
- กำไร 1Q23 ออกมาแข็งแกร่งกว่าคาดที่ 39 ลบ. +238% q-q สะท้อนการฟื้นตัวที่แข็งแรง จากรายได้ที่เติบโตหลังจีนกลับมาเปิดประเทศ โมเมนตัมกำไร 2Q23 คาดว่ายังเร่งตัวต่อเนื่อง และได้อานิสงส์จากรายได้ที่ยังโตต่อเนื่อง และต้นทุนที่ปรับลงตามราคา Commodity หนุน Gross Margin ดีขึ้น
- เราคาดกำไรสุทธิปี 2023 ฟื้นตัวแรงเป็น 159 ลบ. +91% y-y จากปัญหาจีน Lockdown และต้นทุนแพงที่คลี่คลาย
- แนวรับ 4.20//4 บาท แนวต้าน 4.44//4.60-4.70 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่นและเร่งตัวขึ้นเป็น US$811 ล้าน ยังนำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$626 ล้าน และ US$295 ล้าน ตามลำดับ โดยแนวโน้มเม็ดเงินทยอยไหลกลับเข้าหาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในระยะหลัง ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกหนักที่ไทย US$130 ล้าน แต่ไหลเข้าอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนามบางๆ แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะไหลเข้าต่อเนื่อง หลังมีสัญญาณบวกต่อเนื่อง จากการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ จากทั้งไบเดนและประธานสภาผู้แทนฯสหรัฐฯ ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่ผิดนัดชำระหนี้
ประเด็นสําคัญวันนี้
(+) ASW เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไรในช่วงที่เหลือของปี หลังจาก 1Q23 ประกาศกำไรสุทธิที่ 283 ลบ. +25% y-y โดยใน 2Q23 มีแผนรับรู้รายได้จากคอนโดนใหม่ 2 แห่ง เราเชื่อว่ากำไร 2Q23 จะเร่งตัว q-q และ 2H23 จะเติบโต h-h จากการรับรู้รายได้คอนโดใหม่อีก 2 และ 4 แห่งใน 3Q23-4Q23 ด้าน Presales คาดเร่งตัวขึ้นตามแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้น และมีโครงการขนาดใหญ่ เรายังคาดกำไรปกติปี 2023 ที่ 1 พันลบ. +48% y-y ปัจจุบัน มี Backlog รองรับยอดโอนแล้ว 95% ราคาหุ้นเทรด PER 6.8 เท่าและให้ Dividend Yield ราว 6.6% คงราคาเป้าหมาย 9.60 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) CK กำไรสุทธิ 1Q23 ออกมาแข็งแกร่งที่ 217 ลบ. +94% q-q, +79% y-y จากรายได้ที่เติบโตแกร่งจากโครงการโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง แนวโน้ม 2Q23 อาจชะลอบ้างจาก Low Season เนื่องจากวันหยุดมาก แต่จาก Backlog ณ สิ้น 1Q23 ที่สูงถึง 1.5 แสนลบ.รองรับการเติบโตในช่วง 5 ปีข้างหน้า เรายังคาดกำไรปกติปี 2023 ที่ 1.4 พันลบ. +62% y-y ราคาหุ้นปรับลงจากความกังวลนโยบายค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลใหม่ โดยการปรับขึ้นทุก 5% จะกระทบกำไร CK ราว 8% แต่เชื่อว่าผลกระทบอาจน้อยกว่าที่ประเมินหากมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ คงราคาเป้าหมาย 26 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) ICHI ระยะสั้นคาดกำไร 2Q23 จะเร่งตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ราว 251 ลบ. +13% q-q, +64% y-y จากรายได้ที่คาดทำ New High หนุนจากทั้งตลาดชาเขียวที่โต ยอดขาย Tansansu เร่งตัวขึ้น และรับรู้รายได้ลูกค้า OEM เป็นไตรมาส ส่วน Margin คาดเร่งตัวตามอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น และต้นทุนเม็ดพลาสติกเริ่มทรงตัว ผู้บริหารมั่นใจกับเป้ารายได้ปีนี้ ที่ 7.3 พันลบ. +15% y-y มากขึ้น และมองว่ารายได้ใน 2H23 จะไม่อ่อนตัวลงจาก 1H23 จากลูกค้า OEM ที่เข้ามามากกว่าคาด เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้ขึ้น 11% เป็น 814 ลบ. +27% y-y ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 15.70 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) MSCI Rebalance มีผลราคาปิดวันที่ 31 พ.ค. Global Standard หุ้นเข้า MAKRO หุ้น ออก JMT TU ส่วน Global Small Cap หุ้นเข้า JMT TIDLOR SAPPE SISB TU หุ้นออก ไม่มี
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 408.63 จุด หรือ +1.24% ปิดที่ 33,420.77 จุด รับความคืบหน้าในการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ รวมถึงตลาดยังได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากธนาคารเวสเทิร์น อลิอันซ์ แบงคอร์ป เปิดเผยยอดเงินฝากเพิ่มขึ้น
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ ถูกกดดันจากการคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียน
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 34.21 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.97 ดอลลาร์ หรือ 2.78% ปิดที่ 72.83 ดอลลาร์/บาร์เรล รับความหวังที่ว่าทำเนียบขาวและสภาคองเกรสจะบรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้ภายในสัปดาห์นี้ ในขณะที่เช้านี้ปรับลงที่ระดับ 72.62 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.29%
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 8.5 ดอลลาร์ หรือ 0.42% ปิดที่ 2,003.70 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของดอลลาร์ เป็นปัจจัยกดดันตลาด ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 2,005.20 ดอลลาร์/ออนซ์ +0.07%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 936.96 / +2.03