Daily Focus: Domestic and Selective Play
2023SET Target : 1700
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ฟื้นตัวขึ้นแข็งแกร่งในครึ่งเช้า ทดสอบแนวต้าน 1,540 จุด รับความกังวลที่ลดลงต่อการจัดตั้งรัฐบาลที่มีความคืบหน้า แต่มีแรงขายออกมากดดันช่วงบ่าย ทำให้ดัชนีลดช่วงบวกเหลือเพียง 3.95 จุด ณ สิ้นวัน กลุ่มที่กดดัน ได้แก่ สื่อสารฯ ปิโตรฯ การแพทย์ ส่วนที่ปรับตัวหนุน คือ อิเล็กทรอนิกส์ สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่น 2.5 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหนาแน่นต่อเนื่องอีก 3.2 พันลบ. (แต่ Long Index Futures สูงถึงกว่า 3.5 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่ง Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,520-1,535 จุด หนุนจากประเด็นต่างประเทศหลังมีพัฒนาการเชิงบวกเรื่องการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯที่คืบหน้า และคาดว่ามีโอกาสได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของไทยทยอยชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ หลังสว.หลายท่านทยอยออกมาประกาศสนับสนุน โดยต้องติดตามการเซ็น MOU ในวันที่ 22 พ.ค. นี้ว่าจะมีรายละเอียดนโยบายด้านเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในแง่ทิศทางเศรษฐกิจในระยะถัดไป ด้านค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง จากโอกาสขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในการประชุมเดือน มิ.ย. ยังเปิดอยู่หลังเงินเฟ้อยังขยับลงค่อนข้างช้า และเศรษฐกิจยังไม่ชะลอตัวเร็ว ท่าให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าเร็วพอสมควรในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจาก 33.40 บาท/ดอลลาร์สู่ระดับ 34.37 บาท/ดอลลาร์ ทำให้โดยรวมยังไม่เอื้อให้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าอย่างหนาแน่น เรายังคงเน้นเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว มีความเสี่ยงด้านการเมืองจํากัด และยังชอบหุ้น Consumption/Reopening Play มากกว่า Global Play
กลยุทธ์ : ยังคงเน้นหุ้น Domestic และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว//ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มที่ฐาน 1,500+- จุด
หุ้นเด่นเดือนพ.ค. : BA, BDMS, CPALL, ICHI, TOA
หุ้นเด่นวันนี้ : MINT
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 40 บาท
- คาดผลการดำเนินงาน 2Q23 พลิกกลับมามีกำาไรโดดเด่นหนุนจาก High Season ของ NHH ทำให้ Rev Par ปรับตัวขึ้นสูงกว่าก่อนโควิดราว 35% ชดเชยไทยที่เข้า Low Season แต่คาดดีกว่าก่อนโควิดเช่นกัน ส่วนธุรกิจอาหารคาดยังเห็น SSSG บวกแข็งแกร่งต่อเนื่องและต้นทุนวัตถุดิบและค่าไฟที่คลายตัว เบื้องต้นประเมินกำไร 2Q23 ในกรอบ 1.5-2 พันลบ.เข้าใกล้ 2Q19 ที่ 2.1 พันลบ. ส่วนประมาณการกำไรปกติปี 2023 ปัจจุบันยังอยู่ที่ 5.5 พันลบ. +172% y-y
- แนวรับ 32//30.25 บาท แนวต้าน 34-35 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่นต่อเนื่อง และเร่งขึ้นเป็น US$1,090 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$851 ล้าน และ US$333 ล้าน ตามลำดับ หนุนจากเม็ดเงินที่ไหลกลับเข้าหาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีต่อเนื่อง ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกกระจุกที่ไทยอีก US$94 ล้าน แต่ทรงตัวที่ประเทศอื่นๆ แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะไหลเข้าต่อเนื่อง หลังยังคงมีพัฒนาการเชิงบวกของการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯและมีโอกาสได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า
ประเด็นสําคัญวันนี้
(+) RBF ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปีนี้ตามเดิม โต 15-20% แม้ 1Q23 จะโตได้ 7% y-y เพรา ได้งานใหม่ของลูกค้ากลุ่มอาหารและเรื่องดื่มมากขึ้น รวมทั้งตั้งเป้าฟื้นอัตรากำไรขั้นต้นสู่ระดับที่เคยทำได้ 40% แผนงานไปต่างประเทศยังตามเดิม โรง Flavor ในอินโดฯ ใกล้เสร็จแล้ว คาดเริ่มดำเนินงานได๋ใน 3Q23 อินเดียอยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดแล้วเสร็จ 4Q23-1Q24 เรายังคงคาดกำไรปีนี้ +38% คงราคาเป้าหมาย 13.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) ORI ผู้บริหารคาด Presales 2Q23 เร่งขึ้น q-q จากผลตอบรับที่ดีของการเปิดตัวคอนโดใหม่ผ่านแบรนด์ The Origin ซึ่งจับกลุ่ม Affordable ราคาขายเฉลี่ย 1.5 ลบ./ยูนิต ในทำเลที่มีศักยภาพ อาทิ ภูเก็ต พัทยา ขอนแก่น ศิริราช ซึ่งทำ take-up rate แล้วถึง 60-90% ส่วน Presales ต่างชาติคาดมีสัดส่วน 10-15% ของเป้าทั้งปีที่ 4.5 หมื่นลบ. (ปีก่อนมีสัดส่วน 3%) โครงการ The Origin ภูเก็ตและพัทยาที่เพิ่งเปิดอย่างไม่เป็นทางการ มียอดขายต่างชาติถึง 30- 40% ประเด็นค่าแรง ถ้าปรับขึ้น 20% กระทบค่าก่อสร้าง 5% แต่บริษัทจัดการไปแล้วบางส่วน ทิศทาง 2Q23 แข็งแกร่ง ราคาหุ้นที่ลงเป็นโอกาส “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 13.90 บาท
(+) PRTR ได้ประโยชน์จากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ หากอิงจากพนักงานในตำแหน่ง PC & worker ราว 9,000 คน หากค่าแรงปรับขึ้นเป็น 450 บาท รายได้จะเพิ่มขึ้นราว 25-30 ลบ./เดือน หรือ 4-5% ต่อปี ชดเชยผลกระทบที่เป็นลบกับธุรกิจ Recruitment ที่ภาคธุรกิจชะลอการจ้างงาน สุทธิแล้วยังคงเป็นผลบวก ลักษณะธุรกิจส่วนใหญ่เป็น recurring income ไม่หวือหวา ลูกค้าอยู่ในหลาย sector ช่วยลดความเสี่ยง คงราคาเป้าหมาย 9 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) MSCI Rebalance มีผลราคาปิดวันที่ 31 พ.ค. Global Standard หุ้นเข้า MAKRO หุ้น ออก JMT TU ส่วน Global Small Cap หุ้นเข้า JMT TIDLOR SAPPE SISB TU หุ้นออก ไม่มี
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 115.14 จุด หรือ +0.34% ปิดที่ 33,535.91 จุด ปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าสหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 34.45 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 97 เซนต์ หรือ 1.33% ปิดที่ 71.86 ดอลลาร์/บาร์เรล ตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 71.91 ดอลลาร์/บาร์เรล 0.07%
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 25.4 ดอลลาร์ หรือ 1.27% ปิดที่ 1,978.30 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของดอลลาร์ ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 1,981.00 ดอลลาร์/ออนซ์ +0.14%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 936.96 / –