บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Upgrade)
TP upside (downside)+17.1%
Close May 19, 2023 Price 4.10
12M Target 4.85
WHA CORPORATION (WHA) อุปสงค์ที่ดินแข็งแกร่ง
Event
ประเด็นน่าสนใจจากการประชุมนักวิเคราะห์ (19 พ.ค. 66)
- ทางบริษัทฯ ให้ข้อมูลที่สำคัญใน 2Q66 ได้แก่ 1) ธุรกิจนิคม ปัจจุบันกำลังมีการเจรจากับลูกค้ารายใหญ่ที่สนใจที่ดินนิคมฯ ในเวียดนามขนาด 300 ไร่ คาดจะเห็นความชัดเจนและเซ็นสัญญาซื้อขายกันภายในเดือนพ.ค.นี้ ณ สิ้น 1Q66 มียอดขายที่ดินอยู่ที่ 478 ไร่ หรือ 27.8% ของเป้าบริษัททั้งปี) และ 2) ธุรกิจสาธารณูปโภค คาดเติบโต QoQ เนื่องจากลูกค้าหลักอย่างกลุ่มโรงไฟฟ้าและกลุ่มปิโตรเคมีมีการกลับมาเปิดทำการปกติเต็มไตรมาส ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนโดยตรงต่อความต้องการน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่เทียบ YoY จะได้ปัจจัยหนุนเพิ่มจากการปรับขึ้นค่าน้ำตั้งแต่ 1Q66
- ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ในขั้นตอนการเจรจากับลูกค้าอีกรายที่มีความต้องการที่ดินในไทยขนาดใหญ่ 500-600 ไร่ คาดจะเห็นความชัดเจนในช่วง 2H66 โดยอุปสงค์ที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ มีแผนขยายงบการลงทุนของธุรกิจนิคมฯ สำหรับปี 2566 เพิ่มจาก 3 พันล้านบาท เป็น 6 พันล้านบาท ในการนำไปซื้อและพัฒนาที่ดินพร้อมขาย เพิ่มทั้งในไทยและเวียดนาม
- ภาพรวมทั้งปี 2566 บริษัทฯ ยังคงคาดผลประกอบการจะเติบโตต่อ ถึงแม้ปีก่อนหน้าจะมีฐานสูง โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1) ธุรกิจนิคม บริษัทคงเป้ายอดขายที่ดินทั้งปี 1.8 พัน ไร่ และคาดจะทำยอดโอนกรรมสิทธิ์ได้ราว 1.6 พันไร่ ชะลอตัวราว 10% YoY จากฐานสูงที่มีการโอนที่ดินทำสถิติสูงสุด 1.8 พันไร่ อย่างไรก็ตาม มีโอกาสปรับเป้าขึ้น โดยปัจจุบันมีการเร่งพัฒนาที่ดินพร้อมขายเพิ่มเพื่อเตรียมรองรับลูกค้ารายใหญ่ที่ติดต่อเข้า มา 2-3 ราย 2) ธุรกิจสาธารณูปโภคจะเติบโต YoY จากทั้งอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของลูกค้ารายใหม่ และการปรับขึ้นราคาขายตั้งแต่ 1Q66 และ 3) ธุรกิจคลังสินค้าโลจิสติกส์ ที่มีการเซ็นสัญญาต่อเนื่อง โดย 3M66 ทำไปได้แล้ว 32.1% จากเป้าของบริษัททั้งปี
- ณ 1Q66 บริษัทฯ มียอดขายที่ดินรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 675 ไร่
Our Take
- เราคาดกำไรปกติใน 2Q66 จะเติบโต YoY ตามการฟื้นตัวของภาคการผลิต และเม็ดเงินการลงทุนที่เข้ามา ขณะที่ทรงตัว QoQ เนื่องจากเป็น Low season ของการโอนที่ดิน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจสาธารณูปโภคจะช่วยหนุนจากทั้งความต้องการน้ำและอัตรากําไรที่เพิ่มสูงขึ้น
- ปี 2566 เราคาดกำไรปกติที่ 3,961 ล้านบาท (+7.6% YoY) รับผลบวกจากการย้ายตั้งฐานการผลิตนอกประเทศจีน ส่งผลให้อุปสงค์ที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าเซ็น LOI ที่ดินแล้ว 753 ไร่ คิดเป็น 43% จากเป้าขายที่ดินของบริษัท และอยู่ในช่วงการเจรจากับลูกค้ารายใหญ่กลุ่มยานยนต์อีก 2-3 ราย ขนาดมากกว่า 300 ไร่ดี นอกจากนี้ ธุรกิจสาธารณูปโภคในปีนี้จะเติบโตโดดเด่น 10-15% YoY จากการปรับขึ้นราคาขายน้ำ อีกทั้งปริมาณความต้องการน้ำที่กลับสู่ระดับปกติ และลูกค้ารายใหม่ที่มีต้องใช้น้ำปริมาณมากในกระบวนการผลิต ส่วนปัจจัยหนุนเพิ่มเติม ได้แก่ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ หนุนการเคลื่อนย้ายและกระจายฐานการผลิตมายังไทย และเวียดนามอย่างต่อเนื่อง
- เราให้ราคาเหมาะสมสิ้นปี 2566 ที่ 4.80 บาท/หุ้น อิง PER ที่ 17.8 เท่า และมีการปรับ คำแนะนำเป็น “ซื้อ” จาก Upside ที่เปิดกว้างขึ้นมาอยู่ที่ 17.1%
- ความเสี่ยงสำคัญ: 1) ความต่อเนื่องของนโยบายที่สนับสนุนโดยภาครัฐ 2) ค่าครองชีพที่ปรับสูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของนักลงทุน