เพดานหนี้ที่ยังค้างที่เพดาน / 1,530-1,540
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- ดัชนี SET ยังมีโอกาส Sideways ต่อไป: ปัจจัยภายนอกยังเป็นโทนกดดัน นำโดยการเจรจาเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐที่ยืดเยื้อตามที่ทางฝ่ายคาดไว้ นอกจากนี้ทางพรรครีพับรีกันยังได้สงสัยเรื่องกำหนดเส้นตายที่นางเจเน็ต เยลเลน กล่าวว่า ภายในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ มีที่มาอย่างไร แรงกดดันในตลาดทุนยังส่งให้นักลงทุนบางส่วนเลือกที่จะลดความเสี่ยงด้วยการเข้าถือเงินสด หนุนดอลลาร์แข็งค่ายืน 103 จุด และหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยให้ Rebound เหนือ 1,975 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตาม แรงพยุง Sentiment ต่อดัชนียังพอมี แม้ว่าข้อมูลศก.สหรัฐบางส่วนจะเป็นเชิงลบ แต่ภาพรวมเมื่อคืนดูฟื้นตัว นำโดยยอดขายบ้านใหม่เดือน เม.ย.เพิ่มขึ้น และดีกว่าคาดสู่ 6.8 แสนยูนิต เพิ่มขึ้น 4.1%m-m, ดัชนี PMI ภาคบริการสหรัฐ เดือน พ.ค. ดีกว่าคาดสู่ 55.1 จุด ขณะที่กลุ่มพลังงานที่มีน้ำหนักต่อดัชนี SET มาก คาดได้แรงบวกจากราคาน้ำมัน WTI ที่ฟื้นตัวยืนเหนือ $73.7 ต่อบาร์เรล หลังอุปสงค์น้ำมันเบนซินในสหรัฐสูงขึ้น ด้านสต็อกน้ำมันดิบ API สัปดาห์สิ้นสุด 19 พ.ค. รายงานลดลง 6.8 ล้านบาร์เรล โดยสต็อกน้ำมันเบนซินปรับลงมากกว่า 1.38 ล้านบาร์เรล กอปรกับรมต.พลังงานของซาอุฯ เตือนนักเก็งกำไรที่ขายชอร์ตในตลาด สำหรับปัจจัยในประเทศ แม้พรรคร่วมจะเซ็น MOU แล้ว แต่คาดตลาดจะยังกังวลกับการเมืองไทยที่ยังไม่แน่นอน จนกว่าจะผ่านการโหวตจาก สว.ทั้ง 250 เสียง
- กลยุทธ์ลงทุน 1) หุ้นพื้นฐานดี: BBL, BCPG, KBANK, KTB, SIRI, PTT 2) ค่าเงินบาทอ่อน: ASIAN, GFPT, HANA, ITC, MINT, TU 3) MOU พรรคร่วมฯ: GLOBAL, MAKRO, NEX 4) Selective: AMATA, BA, MASTER, WHA
ปัจจัยบวก
- ธีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกลเข้าพบ สอท. เพื่อหารือนโยบายเป้าหมายค่าแรง 450 บาท โดยมองจะช่วยกระตุ้น GDP ไทยให้เพิ่มขึ้นได้ และหนุนธีมการจับจ่ายใช้สอย
- เยอรมนีเผยดัชนี PMI ภาคบริการเดือน พ.ค. มากกว่าคาด ที่ 57.8 จุด สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค.64
- ศูนย์วิจัยกสิกรคาดการประชุม กนง. งวด 31 พ.ค 66 นี้ จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของวัฏจักรอีก 25 bps สู่อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.00%
ปัจจัยลบ
- สศช.ย้งกังวลต่อหนี้ครัวเรือนไทย 1Q66 ที่เพิ่มขึ้น 3.5%q-q โดยสินเชื่อส่วนบุคคลยังอยู่ระดับสูง ซึ่งเป็นผลกระทบจากช่วงโควิด ฉุดรั้งการเติบโตของ ศก.
- อัตราเงินเฟ้อของชำ (Grocery Inflation) ของอังกฤษ เดือน พ.ค. +17.2% ซึ่งยังอยู่ระดับสูง ขณะที่ฝรั่งเศส เผย PMI ภาคผลิตและบริการเดือน พ.ค. ชะลอตัวสู่ 46.1 จุด และ 52.8 จุด กดดันให้ทั้ง BoE และ ECB เดินหน้าใช้นโยบายการเงินแบบ Hawkish ต่อไป
- CNBC รายงานอัตราว่างงานกลุ่มอายุ 16-24 ปีของจีน เดือน เม.ย. แตะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 20.4% ซึ่ง มากกว่าอัตราว่างงานรวมที่ 5% ด้าน Goldman Sachs ระบุปัญหาเกิดจากความไม่สอดคล้องกันของสาขาและ อาชีพของหนุ่มสาวจีน
PICKS OF THE DAY
KTB BUY
- เป้าหมาย 20.00 / 20.60 แนวรับ 18.70 / 19.00
- สินเชื่อเดือนเม.ย. โตดีที่สุดเทียบธนาคารใหญ่: KTB มีสินเชื่อเดือน เม.ย. เติบโต 0.73% m-m เป็นอัตราการเติบโตที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารขนาดใหญ่ โดย KBANK มีสินเชื่อเติบโต 0.35% m-m ในขณะที่ SCB สินเชื่อหดตัว 0.36% m-m และ BBL สินเชื่อหดตัว 1.17% m-m
- ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยน่าจะเพิ่มขึ้นต่อ: ใน 1Q66 ถึงแม้ว่ากลุ่มธนาคารจะมีการจ่ายเงินสมทบกองทุนฟื้นฟู ฯ เพิ่มสูงขึ้น แต่ KTB ก็ยังมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้นมากที่สุดในกลุ่ม เป็นเพียง 1 ใน 2 ธนาคารนอกจาก BBL ที่มีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น และการปรับอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นเดือนเม.ย. คาดว่าจะทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยใน 2Q66 เพิ่มขึ้นต่อ
MASTER BUY
- เป้าหมาย 82.50 / 85.00 แนวรับ 78.00 / 79.00
- 2Q66 ลุ้นโต q-q จาก U-RATE สูง:นอกจากการเติบโตแบบ Organic รับการกลับมาใช้ชีวิตปกติ รวมถึงการเปิดเมืองเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในช่วงเดือน มิ.ย. 66 MASTER จะเริ่มเปิดใช้ห้อง OR เพิ่มอีก 10 ห้องจากเดิม 7 ห้อง ซึ่งส่งผลดีต่อการรับลูกค้าเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับธุรกิจ Skin care และ Hair ที่รับลูกค้าได้มากขึ้น หลังแยกส่วนการให้บริการคนละชั้น
- มีลุ้นปิดดีล M&A เพิ่มอีกในปีนี้: หลังเสร็จสิ้นการเข้าลงทุนคลินิกความงาม “WIND CLINIC” ถือหุ้นในสัดส่วน 40% แล้ว ปัจจุบันบริษัทยังอยู่ระหว่างเตรียมปิดดีล M&A เพิ่มทั้งนี้ทางฝ่ายมองเป็นโอกาสขยายธุรกิจไปภูมิภาคภายใต้มาตรฐานการให้บริการของ MASTER