DMT ส่งซิกผลงาน Q2/66 ทะยานต่อเนื่อง ท่องเที่ยวฟื้น หนุนปริมาณจราจรคึกคัก มั่นใจรายได้ปีนี้เติบโตกว่า 30%
บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง (DMT) คาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/66 เติบโตได้ต่อเนื่อง หลังท่องเที่ยวฟื้นตัว สนับสนุนปริมาณการจราจรสดใส มั่นใจรายได้ปีนี้โตเกิน 30% พร้อมโชว์ไตรมาส1/66 รายได้ค่าผ่านทาง เพิ่มขึ้น 62% หนุนกำไรสุทธิพุ่งทะยานกว่า 75% จากงวดเดียวกันกับปีก่อน โดยมีปริมาณจราจรโดยเฉลี่ยต่อวันรวม 107,655 คัน เพิ่มขึ้น 58% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 ปี มั่นใจผลักดันรายได้ปีนี้โตเกิน 30%
ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) (DMT) เปิดเผยว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2565 ที่ผ่านมา และการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น โดยประเทศไทยเป็นเป้าหมายลำดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวต้องการเดินทางเข้ามา ส่งผลให้ปริมาณการเดินทางโดยรวมเพิ่มขึ้น
“โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ในปี 2566 เติบโตมากกว่า 30% จากปีก่อน คาดการณ์ปริมาณการจราจรเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 110,000 คันต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีปริมาณการจราจรเฉลี่ยอยู่ที่ 85,000 คันต่อวัน จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณจราจรในไตรมาส 1/2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด พบว่ายังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเกิดจากความมั่นใจในการออกมาทำกิจกรรมนอกบ้าน และประกอบกิจการ รวมถึงการเปิดภาคการศึกษา ซึ่งทำให้กิจกรรมการเดินทางนั้นสูงขึ้นตามไปด้วย”
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2566 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้ค่าผ่านทาง อยู่ที่ 576.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% และกำไรสุทธิอยู่ที่ 253.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น75% โดยมีปริมาณจราจรโดยเฉลี่ยต่อวันรวม 107,655 คัน ปรับเพิ่มขึ้น 58%
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 บริษัทฯ มีภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ยกับสถาบันการเงิน จากการเบิกใช้วงเงินหมุนเวียน จำนวน 400 ล้านบาท มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ที่อยู่ในระดับที่ต่ำหรือเท่ากับ 0.13 เท่า อัตราส่วนสภาพคล่องเท่ากับ 0.89 เท่า และบริษัทฯ ยังคงมีวงเงินหมุนเวียนเพื่อสำรองไว้ใช้ในกิจการซึ่งยังมิได้เบิกใช้เป็นจำนวนเงินรวม 600 ล้านบาท (31 ธันวาคม 2565 : 1,000 ล้านบาท) ซึ่งบริษัทฯ มีความพร้อมในการระดมทุนและศักยภาพ ในการเข้าร่วมประมูลโครงการที่ภาครัฐเปิดประมูลเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมลงทุน (Public-Private Partnership) ในอีกหลายโครงการมูลค่ามากกว่าหลายหมื่นล้านบาท รวมทั้งการขยายธุรกิจอื่นๆ