บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

SC ASSET CORPORATION อนาคตที่สดใสรออยู่ไม่ไกล

Action

BUY (Upgrade)

TP upside (downside) 25%

Close Aug 24, 2021 Price (THB) 3.04

12M Target (THB) 3.80

Previous Target (THB) 3.36

What’s new?

  • บริษัทตั้งเป้าหมายเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วง 2H64 จำนวน 8 โครงการมูลค่ารวมกว่า 1.1 หมื่นลบ.
  • คาดยอดเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2565 เติบโตโดดเด่นอย่างน้อย 33%YoY ขณะท่ีปัจจุบันมี Secured Land Bank แล้ว 100%
  • ผลประกอบการช่วง 2H64 คาดทรงตัวได้ HoH แม้ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ระลอก 3

Our View

  • ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2565 ขึ้น 27% เป็น 2.3 พันลบ. จากแผนการเปิดตัวโครงการแนวราบท่ีหนาแน่น ขณะท่ีอัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มฟื้นตัวเด่น YoY
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้น 1H65 ท่ี 3.80 บาท/หุ้น พร้อมคาดเงินปันผลงวดปี 2564/65 ท่ี 0.19 บาท/หุ้น และ 0.24 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทนท่ีสูงถึง 6.2% และ 7.9% ตามลำดับ

ตั้งเป้าเปิดตัวโครงการใหม่ 8 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 1.1 หมื่นลบ. ในช่วง 2H64

ในช่วง 1H64 บริษัทมียอดเปิดตัวโครงการใหม่เพียง 2 โครงการรวมมูลค่า 2.3 พันลบ. ลดลง 71%HoH และ 63%YoY จากผลกระทบเชิงลบของการแพร่ระบาด COVID-19 ระลอกที่ 2 และ 3 ในช่วงปลาย 4Q63 และช่วงกลาง 2Q64 ตามลำดับ ทำให้บริษัทเน้นการระบายสินค้าคงคลังเป็นหลัก อย่างไรก็ดี ผลตอบรับที่ดีจากแคมเปญทางการตลาดหนุนด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นผลให้บริษัททำยอด Presale ในช่วง 1H64 ได้สูงถึง 1.1 หมื่นลบ. เติบโตขึ้น 38%YoY และเป็นจุดสูงสุดใหม่ของบริษัท ปรับตัวขึ้นทั้งโครงการแนวราบที่ 9.4 พันลบ. (+22%YoY) และโครงการแนวสูงที่ 1.9 พันลบ. เติบโตขึ้นกว่า 303%YoY เป็นผลมาจากการจัดโปรโมชั่นทางด้านราคาเพื่อส่งเสริมการระบายสินค้าประเภท Ready-to-move

สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ของบริษัทในช่วง 2H64 อยู่ที่ 8 โครงการรวมมูลค่า 1.1 หมื่นลบ. เติบโตขึ้น 396%HoH และ 40% แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 7 โครงการ และโครงการแนวสูง 1 โครงการ คือ The Crest Park Residences ห้าแยกลาดพร้าว มูลค่า 3.1 พันลบ. ซึ่งจะเปิดตัวในช่วง 3Q64 เป็นปัจจัยหลักสำหรับการสร้าง Backlog ในปี 2022 และยอดขายในช่วง 2H64

ปี 2565 มีที่ดินครบพร้อมเปิดตัว…เดินหน้าลงทุนซื้อที่ดินสำหรับการเปิดตั้งโครงการในปี 2556

บริษัทตั้งเป้างบประมาณในการซื้อที่ดินในปี 2564 ที่ 1.0 หมื่นลบ. (ปัจจุบันใช้ไปแล้วราว 3.0 พันลบ.) ซึ่งงบประมาณดังกล่าวคาดเป็นการต่อยอดการเปิดตัวโครงการในปี 2566

สำหรับปี 2565 เบื้องต้น บริษัทมีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่กว่า 18-20 โครงการรวมมูลค่าอย่างน้อย 2.2 หมื่นลบ. ซึ่งจำนวนโครงการคิดเป็นการเติบโตกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับแผนปี 2564 (มูลค่าโครงการเติบโตอย่างน้อย 33%YoY) ปัจจุบันคาด บริษัทมี Secured land bank แล้ว 100% เป็นปัจจัยหลักหนุนยอดขายและรายได้ในปี 2565 เป็นต้นไป โดยเราคาดสัดส่วนการเปิดตัวโครงการยังคงเน้นไปที่สินค้าประเภทแนวราบเป็นหลัก (คาดสัดส่วนที่ราว 80-85%) ขณะที่การเปิดตัวโครงการแนวสูงจะประกอบไปด้วยโครงการ Centric วงเวียนใหญ่ (มูลค่าราว 3.6 พันลบ.) ซึ่งเลื่อนการเปิดตัวจากแผนเดิมในช่วง 4Q64 ไปยัง 1H65 และโครงการแนวสูงอีกราว 1-2 โครงการที่คาดเห็นความชัดเจนมากขึ้นในช่วงปลาย 2H64

Backlog ยังแข็งแกร่ง…แนวโน้มผลประกอบการ 2H64 คาดทรงตัวได้ HoH ท่ามกลางปัจจัยลบ

ณ สิ้น 2Q64 บริษัทมี Backlog ทั้งสิ้น 8.6 พันลบ. คาดรับรู้เป็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปี 2564 ที่ 5.4 พันลบ. แบ่งเป็นโครงการแนวราบ-แนวสูงที่ 4.6 พันลบ. และ 827 ลบ. ตามลำดับ คิดเป็น Secured revenue แล้วกว่า 79% จากประมาณการรายได้ทั้งปี 2564 ของเราที่ 1.8 หมื่นลบ.

ทั้งนี้ แม้เราคาดผลประกอบการ 3Q64 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี จากผลกระทบของการแพร่ระบาด COVID-19 ระลอกที่ 3 ที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อยอดเยี่ยมชมโครงการ และอัตราดูดซับอุปทาน รวมถึงมาตรการปิดแคมป์ก่อสร้าง จำกัดสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาด แต่คาดผลประกอบการ 4Q64 มีแนวโน้มฟื้นตัวเด่น QoQ และ YoY หนุนจากการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วง 2H64 8 โครงการรวมมูลค่า 1.1 หมื่นลบ. ซึ่งประกอบด้วยโครงการแนวราบที่มีสินค้าพร้อมโอนกว่า 7 โครงการ

ปรับเพิ่มประมาณการปี 2565 … คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย ณ สิ้น 1H65 ที่ 3.80 บาท

เราคงประมาณการกำไรปี 2564 ที่ 1.8 พันลบ. แต่ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565 ขึ้น 27% จาก 1.8 พันลบ. เป็น 2.3 พันลบ. จากแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ที่หนาแน่น กอปรกับการปรับเพิ่มสมมติฐานอัตรากำไรขั้น 900bps เป็น 32.3% ต้นจากสัดส่วนการรับรู้รายได้ของโครงการแนวราบที่เพิ่มมากขึ้น และแนวโน้มการใช้กลยุทธ์ทางด้านราคาเพื่อการกระตุ้นการขายที่น้อยลงหลังสถานการณ์ cOVID-19 ฟื้นตัวดีขึ้น ตามพัฒนาการ Rollout ของวัคซีนภายในกรุงเทพฯและปริมณฑล คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับไปใช้เป้าหมาย ณ สิ้น 1H65 ที่ 3.80 บาท/หุ้น (อิง PER1H65 เท่าเดิมที่ 7.8x เทียบเท่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของบริษัท ) มี Upside gain 25.0% จากราคาปิดวานนี้ที่ 3.04 บาท พร้อมคาดเงินปันผลงวดปี 2564/65 ที่ 0.19 บาท/หุ้น และ 0.24 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทนที่สูงถึง 6.2% และ 7.9% ตามลำดับ

- Advertisement -