Daily Focus: Domestic and Selective Play 

2023SET Target: 1700

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาด โดยปรับตัวลงในแดนลบก่อนฟื้นตัวกลับมายืนในแดนบวกได้ อย่างไรก็ตาม มีแรงขายออกมาท้ายตลาด ทำให้ดัชนีปิดบวกเพียงบางๆ 1.67 จุด สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่อง แต่บางลงเหลือ 1.1 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิบางลงเช่นกันเหลือ 540 ลบ. (และพลิกมา Long Index Futures 1.7 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,525-1,545 จุด โดยกลุ่มพลังงานคาดว่ายังประคองตลาดได้ต่อเนื่อง ตามราคาน้ำมันดิบที่ยังไต่ระดับขึ้น การประชุม OPEC+ ต้นเดือน มิ.ย. ที่อาจเห็นการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติม ความไม่แน่นอนของตลาดยังคงอยู่ที่การเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ที่ยังไม่ได้ข้อสรุป ขณะที่รายงานการประชุม FED มองความจําเป็นในการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตลดลง แต่ยังยังเห็นเสียงของคณะกรรมการที่ค่อนข้างแตก ตลาดประเมิน FED จะคงดอกเบี้ยที่ 5-5.25% ในการประชุม เดือน มิ.ย. โดยรอข้อมูลใหม่เพื่อประเมินเพิ่มเติม ก่อนตัดสินในอีกครั้งในการประชุมเดือน ก.ค. ว่าจ่าเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยอีกหรือไม่ ส่วนปัจจัยในประเทศยังคงต้องติดตามพัฒนาการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ว่าจะเห็นสัญญาณได้เสียงสว.หรือสส.พรรคอื่นเพิ่มเติมครบ 376 เสียงสำหรับการโหวตเลือกนายกฯหรือไม่ ระยะสั้นปัจจัยความไม่แน่นอนฝั่งสหรัฐฯ ส่งผลให้ Bond Yield ปรับขึ้น ดอลลาร์แข็ง กดดันให้บาทอ่อนในระยะสั้น ซึ่งจะช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มส่งออกหรือมีรายได้สกุลต่างประเทศมาก อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงใน 2H23 คือเศรษฐกิจโลกที่คาดชะลอตัว ทำให้เรายังคงเน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic มากกว่า Global Play

กลยุทธ์ : ยังคงเน้นหุ้น Domestic และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว//ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มที่ฐาน 1,500+- จุด

หุ้นเด่นเดือนพ.ค. : BA, BDMS, CPALL, ICHI, TOA

หุ้นเด่นวันนี้ : BDMS

  • แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 34.50 บาท
  • แนวโน้มกำไร 2Q23 เบื้องต้นคาดชะลอตัว q-q จากปัจจัยฤดูกาล ซึ่งปกติมักเป็นไตรมาสที่ต่ำที่สุดของปี แต่คาดยังคงเป็นระดับที่แข็งแกร่ง ระยะกลาง-ยาวคาดว่ายังคงได้อานิสงส์จํานวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นทั้งไทยและโดยเฉพาะต่างประเทศ
  • เรายังคงประมาณการกำไรทั้งปี 2023 ที่ 1.35 หมื่นลบ. +7% y-y ราคาหุ้นที่พักตัวลงเป็นจังหวะในการเข้าลงทุน จากธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีความเสี่ยงต่ำ และกระทบจำกัดจากนโยบายของรัฐบาลใหม่โดยเฉพาะค่าแรง
  • แนวรับ 27.50-27 บาท แนวต้าน 30//32 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาค US$297 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$229 ล้าน ตามด้วยเกาหลีใต้ US$79 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินยังไหลเข้าอินโดนีเซีย US$49 ล้าน แต่ยังไหลออกจากไทยและไต้หวัน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าค่อนไปในทิศทางไหลออก จากการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯที่ยังไม่ได้ข้อสรุปและตลาดกังวลว่าอาจเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น

ประเด็นสําคัญวันนี้

(+) AWC กำไร 1Q23 สามารถทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์และสูงกว่า 1Q19 ถึง 68% แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะกลับมาเพียง 60% สะท้อน ADR ที่ปรับขึ้นและความสามารถในการทำกำไรที่ดี หนุน EBITDA Margin ฟื้นกลับสู่ระดับปกติ เราเชื่อว่าราคาหุ้น AWC มีโอกาสกลับมาสูงกว่า IPO ที่ 6 บาท จากกำไรที่คาดสูงกว่าปี 2019 มูลค่าสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น 37% และจำนวนห้องพักที่เพิ่มขึ้น 76% และพื้นที่เช่าที่เพิ่มขึ้น 35% หากอ้างอิงจากเป้าหมาย EBITDA Yield ของบริษัทมีโอกาสที่ EBITDA จะเติบโตถึง 4 เท่าเทียบกับบริษัทปัจจุบัน เรายังคาดกำไรปกติปี 2023 ที่ 2.1 พันลบ. เทียบกับ 1 พันลบ.ในปี 2019 คงราคาเป้าหมายที่ 6.80 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(0) TFG คาดกำไร 2Q23 ฟื้นตัวแบบช้าๆ ราคาเนื้อไก่ปรับขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบค่อยๆ ปรับลง แต่มีปัจจัยกดดันจากราคาหมูที่ปรับลงแรงจากปัญหาหมูเถื่อนที่ยังไม่จบ ทำให้การฟื้นตัวยังไม่เต็มที่ ส่วนธุรกิจ Retail ยังเดินหน้าเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความสม่ำเสมอของการทำกำไร และลดผลกระทบจากราคาเนื้อสัตว์ที่ผันผวนในระยะยาว เรายังคาดกำไรปี 2023 ที่ 2.6 พันลบ. -47% y-y แต่เริ่มเห็น Downside จากราคาหมูที่ปรับลงเร็ว ปัจจุบันยังคงราคาเป้าหมาย 5.20 บาท แนะนำเพียง “เก็งกำไร”

(+) TOA คาดกำไร 2Q23 ชะลอ q-q ตามปัจจัยฤดูกาลที่มีวันหยุดจำนวนมาก และเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน แต่คาดยังโตแกร่ง y-y โดยเฉพาะจาก Demand กลุ่ม repaint ในไทย ยอดขายต่างประเทศหลักๆ จากเวียดนามคาดเห็นการทยอยฟื้น q-q หลังจาก 1Q23 มีปัญหาภาคอสังหาฯ ส่วนด้าน Margin ใน 2Q23 คาดปรับตัวดีขึ้นจากสัดส่วนการใช้ TiO2 จากจีนที่สูงขึ้นเป็น 35% จาก 1Q23 จบที่ 20% ส่วนประเด็นขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำคาดกระทบไม่มาก ยังคงประมาณการกำไรปี 2023 ที่ 2.2 พันลบ. +33% y-y และมี Upside จาก Margin ที่อาจทำได้ดีกว่าคาด คง ราคาเป้าหมาย 40 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) ILM แนวโน้มผลประกอบการ 2Q23 คาดชะลอ q-q ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ยังเติบโตได้ y-y หนุนจาก SSSG 2QTD ที่ยังบวก 7-8% y-y ส่วนรายได้ค่าเช่าคาดว่าจะเติบโต y-y จากการเปิดสาขาใหม่ และยังตั้งเป้าขยายสาขาต่อเนื่องในหัวเมืองรอง และเน้นพื้นที่เช่ามากขึ้น และเน้นตลาด Customized furniture มากขึ้น ซึ่งคาดว่ามี Potential Growth ของตลาดนี้ในไทย เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2023 ที่ 692 ลบ. +8% y-y คงราคาเป้าหมายที่ 23.80 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) MSCI Rebalance มีผลราคาปิดวันที่ 31 พ.ค. Global Standard หุ้นเข้า MAKRO หุ้น ออก JMT TU ส่วน Global Small Cap หุ้นเข้า JMT TIDLOR SAPPE SISB TU หุ้นออก ไม่มี

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 255.59 จุด หรือ -0.77% ปิดที่ 32,799.92 จุด จากนักลงทุนกังวลว่าการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ที่ยังไม่มีความคืบหน้า อาจจะส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้และฉุดรั้งเศรษฐกิจให้อ่อนแอลงอีก

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ ถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการเจรจาเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐที่ยังไม่มีความคืบหน้า

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดผสม ขณะที่ Bank of Korea คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 3.5% ตามที่ตลาดคาด

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 34.69 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.43 ดอลลาร์ หรือ 1.96% ปิดที่ 74.34 ดอลลาร์/บาร์เรล รับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว สะท้อน Demand ที่ยังแข็งแกร่ง ในขณะที่เช้านี้ย่อตัวลงที่ ระดับ 74.06 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.38%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 9.70 ดอลลาร์ หรือ 0.49% ปิดที่ 1,983.10 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลข GDP 1Q23 และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ในขณะที่เช้านี้ปรับลงต่อที่ระดับ 1,978.30 ดอลลาร์/ออนซ์ -0.24%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 941.29 / –

- Advertisement -