Sideways อิงทางลบ / 1,525-1,540

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • Sideways อิงทางลบ: ทางฝ่ายคาด SET Index เช้านี้มีโอกาสแกว่งตัว Sideways อิงทางลบ หลังยังถูกกดดันด้วย 1) การเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ที่ยังไม่ได้ข้อสรุป หลังเข้าใกล้เส้นตายวันที่ 1 มิ.ย. 66 ซึ่งส่งผลทำให้ตลาดกลับมากังวลอีกครั้ง รวมถึงเกิดแรงย้ายสินทรัพย์เข้าสู่ Safe Haven ทำให้ Bond Yield สหรัฐฯ อายุ 10 ปี ทะลุแตะ 3.82% ส่วน Dollar Index ทะลุ 104 จุด ขณะที่การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ กดดันค่าเงินบาทเดินหน้าเข้าใกล้ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เห็นแรงขายสุทธิจากนักลงทุนต่างชาติต่อเนื่อง 13 วันทำการรวม 2.8 หมื่นล้านบาท ขณะที่ YTD ใกล้แตะระดับ 9.0 หมื่นล้านบาท และ 2) ทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลงวานนี้ทั้ง WTI และ Brent ราว 3-4% หลังรัสเซียประกาศจะออกมาขัดขวางการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มเติมในรอบการประชุม OPEC+ ที่จะเกิดขึ้นวันที่ 4 มิ.ย. 66 นี้ คาดกดดันการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นกลุ่มพลังงานในเชิงลบ ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามคืนนี้ติดตามการประกาศตัวเลข Core PCE ของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. 66 แม้เบื้องต้นตลาดคาดทรงตัวเท่ากับเดือน มี.ค. ที่ขยายตัว 0.3% m-m และ 4.6% y-y หากแต่ล่าสุด นลท. ตีความตัวเลขดังกล่าวว่าจะยังส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีก สอดคล้องกับความน่าจะเป็นระหว่างการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ใกล้กันคนละครึ่ง อย่างไรก็ดี การปรับลงของตลาดวันนี้คาดยังจำกัดส่วนหนึ่งจากการเก็งกำไรกลุ่มแบงก์ รับแนวโน้ม้ดอกเบี้ยขาขึ้น หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์รับ NVDIA กำไรดีจากกระแส AI และกลุ่มส่งออกรับบาทอ่อน
  • กลยุทธ์ลงทุน 1) เก็งหุ้นเข้าคำนวณ MSCI และ FTSE: SISB, TIDLOR, SAPPE, TU, MAKRO, SVI, ICHI 2) หุ้นพื้นฐานดีราคาถูก: KBANK, BBL, KTB, PTT, BCPG 3) ค่าเงินบาทอ่อนค่า: TU, AAI, GFPT, HANA, DELTA, ITC 4) Spending + Selective: TLI, AP, CPALL, AMATA, MAJOR, GULF, WHA, M

ปัจจัยบวก

  • รบ.ญี่ปุ่นปรับเพิ่มมุมมองโดยรวมของเศรษฐกิจในรอบ 10 เดือนในเดือน พ.ค. 66 หลังมีข้อมูลล่าสุดสะท้อนว่า ประเทศหลุดพ้นจากภาวะถดถอยในไตรมาสแรก ท่ามกลางการดีดตัวของการบริโภคหลังโควิด-19
  • สหรัฐฯ เผยตัวเลข GDP ช่วง 2Q66 ซึ่งเป็นการรายงานครั้งที่ 2 พบว่าขยายตัว 1.3% q-q สูงกว่าที่ตลาดคาด และการรายงานครั้งที่ 1 ที่ขยายตัว 1.1% q-q

ปัจจัยลบ

  • ศก. เยอรมนีเข้าสู่ Technical Recession หลังเปิดเผย GDP หดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาสเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ GDP ช่วง 1Q66 หดตัว 0.3% q-q โดยเป็นการหดตัวต่อจากช่วง 4Q65 ที่หดตัว 0.5% q-q
  • Bank of Korea (BOK) มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายครั้งที่ 3 ในการประชุมวานนี้ (25 พ.ค.) ตามคาด หลังจากดำเนินวงจรการคุมเข้มนโยบายการเงินมานาน พร้อมทั้งปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 66 ลงเหลือ 1.4% y-y จากช่วงก่อนที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.6% ในเดือนก.พ. และคงประมาณการอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ไว้ที่ 3.5% ตามเดิม

PICKS OF THE DAY

BBL BUY

  • เป้าหมาย 166.50 / 170.00 แนวรับ 160.00 / 161.50
  • คาดผลตอบแทนสินเชื่อโตต่อ: BBL เป็นหนึ่งใน 2 ธนาคารนอกเหนือจาก KTB เท่านั้นที่มีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นใน 1Q66 ถึงแม้ว่าต้นทุนดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นมากจากการกลับมาจ่ายเงินสมทบกองทุนฟื้นฟู ฯ ในระดับปกติ และคาดว่าผล ตอบแทนสินเชื่อใน 2Q66 น่าจะโตต่อจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้น
  • คาดสินเชื่อเร่งตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปี: ถึงแม้ว่าสินเชื่อจะหตดัวลงใน 1Q66 แต่คาดว่าช่วงที่เหลือของปีสินเชื่อ จะเร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่ BBL มีความเชี่ยวชาญ ที่จะมีความต้องการใช้สินเชื่อจากการลงทุนใหม่ ๆ

GFPT BUY

  • เป้าหมาย 11.30 / 11.70 แนวรับ 1250 / 12.80
  • พบหวัดนกในบราซิล: บราซิลเป็นผู้ผลิตและส่งออกไก่รายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งบราซิลได้ออกมายืนยันถึงการติดเชื้อไข้หวัดนก อาจทำให้มีการจำกัดการค้าจากประเทศผู้นำเข้า ซึ่งเป็นผลดีต่อไทยที่จะได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มมากขึ้น และความต้องการที่สูงขึ้นจะผลัดดันราคาไก่ในประเทศปรับตัวขึ้นตาม
  • ไก่เน้นๆ: ใน 2Q66 ราคาหมูยังลดลงต่ำกว่าไตรมาสแรก หากเลือกธุรกิจที่เน้นไก่เป็นหลักจะได้ประโยชน์สูงสุด, GFPT เป็นผู้ผลิตและส่งออกชิ้นส่วนไก่ มีการส่งออกไปทั้งยุโรปและญี่ปุ่น และจะได้ประโยชน์จากราคาไก่ภายใน ประเทศที่อาจปรับตัวสูงขึ้นได้หลังจากนี้
- Advertisement -