วันน้ีคาดตลาด “Sideway Up”

แนวรับ 1,530 / 1,520 แนวต้าน 1,543 / 1,550 บรรยากาศ Risk-On จากการผ่านเพดานหนี้สหรัฐอาจช่วยหนุนบ้าง แต่ปัจจัยการเมืองในประเทศจำกัด Upside อยู่

Our View? “นอกสดใส ในยังมั่ว”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Up” มองแนวรับที่บริเวณ 1,530 / 1,520 และแนวต้านที่บริเวณ 1,543 / 1,550 คาดตลาดจะได้รับจิตวิทยาเชิงบวกต่อ การที่ทำเนียบขาวและพรรครีพับลิกันสามารถหาข้อตกลงในการออกกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยข้อตกลงดังกล่าวรวมถึงการเพิ่มวงเงินสินเชื่อ 2 ปี และการจัดหา เงินทุน 2 ปี ซึ่งจะส่งผลให้การใช้จ่ายของรัฐบาลที่ไม่เกี่ยวกับการป้องกันประเทศของสหรัฐเข้าใกล้ระดับปัจจุบันมากขึ้น คาดจะผ่านทั้ง 2 สภาฯ ของสหรัฐในช่วงวันพุธนี้ ก่อนที่ ปธน.โจ ไบเดน จะลงนามเพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมาย เรามองประเด็นดังกล่าวคาดจะผ่อนคลายความกังวลในการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐในช่วงต้นเดือน มิ.ย. และคาดจะหนุนแรงซื้อกลับพันธบัตรสหรัฐ กดดัน US Bond Yield อ่อนตัวลง และหนุนบรรยากาศตลาดเข้าสู่ภาวะ Risk-on มากขึ้น เป็นบรรยากาศเชิงบวกต่อทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยง

อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน เม.ย. ของสหรัฐ ออกมา +0.4% MoM และ +4.4% YoY ใกล้เคียงกับที่ตลาด สะท้อนเงินเฟ้อสหรัฐยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งคาดจะกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ยังไม่สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ในเร็วๆ นี้ ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ก.ค. เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ฟื้นตัวขึ้นปิดที่ระดับ 72.67 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.84 ดอลลาร์ (+1.17%) คาดได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังในการผ่านกฎหมายเพดานหนี้ของสหรัฐเช่นกัน รวมทั้ง Baker Hughes รายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐและแคนาดาลดลง 5 แท่น อีกทั้งเราคาดว่าแนวโน้มการอ่อนค่าลงของดอลลาร์ สหรัฐคาดจะหนุนทิศทางราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นได้เพิ่มเติม คาดจะหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานต้นน้ำ (PTTEP) ปรับตัวขึ้นได้

สำหรับปัจจัยภายในประเทศสัปดาห์นี้ เราแนะนำติดตามการประชุม กนง. ในวันที่ 31 พ.ค. คาดมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 2.00% เราคาด กนง. อาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งสุดท้ายและเป็นการปรับขึ้นเพื่อสำรองกระสุนในแง่นโยบายทางการเงินไว้เผื่อเกิดปัญหาในอนาคต คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มธนาคารฯ (KBANK, SCB, BBL, KTB และ TTB) ปรับตัวขึ้นได้ จากแนวโน้มผลประกอบการ 2Q66 ที่มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นต่อตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น รวมทั้งเราเริ่มเห็นอัตราการเติบโตของสินเชื่อในบางธนาคารฟื้นตัวขึ้นบ้างแล้ว อย่างไรก็ตาม คาดตลาดหุ้นไทยยังถูกจำกัด Upside จากความไม่แน่นอนทางการเมืองโดยยังต้องติดตามการจัดตั้ง รัฐบาลต่อ โดยยังต้องรอการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการของ กกต. ทั้งนี้เรายังคงชอบหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, MAKRO, BJC, DOHOME และ GLOBAL) ที่เราคาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและอยู่ในภาพการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวในประเทศจากการบริโภคและการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ รวมทั้งยังได้รับประโยชน์จากแนวโน้มค่าไฟที่ปรับลดลงแนะนำ “ทยอยซื้อสะสมอ่อนตัว”

ธีมการลงทุน “SelectivePlay”

หุ้นแนะนำวันนี้ “MAKRO”

  • กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 39.25 / 38.75 Target 43.50 / 46.00 Stop <38.00
  • แนวโน้มกำไรเป็นขาขึ้นจาก SSSG คาดปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตามทิศทางเศรษฐกิจไทย คาดงบใน 2H’66 สดใส
  • ทางเทคนิคแกว่งตัวกรอบขาขึ้น ยืนตัวเหนือ EMA10 วันได้

- Advertisement -