ประเมิน SET Index แกว่งตัว Sideway เน้นยืนแนวรับ 1,530/1,518 ไม่ควรต่ำกว่าลงมา หากยืนได้มั่นคง ลุ้นทดสอบแนวต้านเส้นกลาง Bollinger band ที่ 1,540 ผ่านยืนมั่นคง เป็นโมเมนตัมบวก
ประเด็นการลงทุน
- วันนี้เคาะ INTUCH น่าสนใจในช่วงตลาดผันผวนทั้งปัจจัยภายในจากสถานการณ์การเมือง และปัจจัยภายนอกจากการเจรจาเพดานหนี้ที่ยังไม่มีข้อสรุป
MARKET STRATEGY
สรุปตลาดวานนี้ SETI ปิดที่ 1,530.84 จุด ลดลง 4.58 จุด (0.30%) มูลค่าการซื้อขาย 38,787.30 ล้านบาท ติดตามการ เจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐ และการเมืองในประเทศ
Research Highlight: สัปดาห์สุดท้ายในการขอเพิ่มเพดานหนี้//ติดตามการประชุม กนง.
ประเด็นการขอเพิ่มเพดานหนี้จะเป็นแรงกดดันตลาดจนกว่าจะได้ข้อสรุป
ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ได้ประเมิน scenario ไว้ 2 กรณี สำหรับประเด็น debt celting
- ยังไม่สามารถหาข้อตกลงได้: หากมีการเลื่อนต่อเนื่องเลยวัน X date จะเป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นทั่วโลกที่จะปรับฐาน และทําให้ความกังวลของการใช้จ่ายภาครัฐจะเลื่อนออกไปเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐจะเกิด recession และคาดว่า fund flow จะไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างทองคําและค่าเงินเยน
- ทางการสหรัฐฯ สามารถบรรลุข้อตกลงได้สำเร็จ: ตลาดจะตอบรับในเชิงบวก โดยมองว่ากลุ่มที่จะ Outperform ตลาดได้ในระยะสั้น คือ กลุ่มธนาคารที่รับผลบวกจากภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากการใช้จ่ายภาครัฐ รวมถึงการปล่อยกู้ให้กับทางการสหรัฐมากขึ้น และกลุ่มเทคโนฯ ตาม US bond yield ที่ลดลง
- มุมมองของเรา: สัปดาห์ก่อนหน้า ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ประกาศให้ Rating Watchi ของสหรัฐเป็นเชิงลบ รวมถึง I-bill ที่จะครบกำหนด 1 มิ.ย. นี้ขึ้นไปสูงถึง 7% ก่อนที่จะปรับตัวลงมาสะท้อนแนวโน้มการเจรจาที่อาจจะได้ข้อสรุปก่อน X-date อย่างไรก็ดีมีรายงานว่า ทั้งไบเดนและแมคแคที ได้บรรลุข้อตกลงส่วนใหญ่ไปแล้ว ซึ่งจะต้องติดตามว่า ปธน. ไบเดน จะยอมลด งปม. ในส่วนไหน (ทหาร / สวัสดิการ) ซึ่งจะกระทบต่อการเลือกตั้งใหญ่ในปีหน้า (5 พ.ย. 67)
- ส่วนระยะถัดไปตลาดจะให้ความสําคัญกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย (กลางเดือน มิ.ย. คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย แค่ส่งสัญญาณตรึงไว้ระดับยาวนานขึ้น), ทิศทางผลประกอบการ 2Q66 และแนวโน้มเศรษฐกิจจะ soft landing หรือเกิด recession แนะนำทยอยสะสมกลุ่ม Defensive เพื่อรองรับความผันผวนของตลาดในระยะกลาง
ตลาดคาด ธปท.ขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย สิ้นสุดวัฏจักรอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
- คาดว่า ธปท. อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งสุดท้ายในช่วงสิ้นเดือนนี้อีก 0.25% สู่ระดับ 2.00% และจากนั้นจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับดังกล่าวไปสักระยะ โดยได้สัญญาณบวกของภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวในภาคการท่องเที่ยวและการเปิดประเทศของจีน ดังนั้น ธปท. จึงสามารถที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้อีกหนึ่งครั้ง
- แต่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อยังมีอยู่ แม้จะกลับเข้ามาสู่กรอบเป้าหมายเดือนมี.ค. ตามฐานที่สูงในปี 65 รวมถึงแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่คาดว่าจะทรงตัวไม่เกิน 90$/บาร์เรล ขณะที่แรงกดดันจากการดำเนินนโยบายแบบตึงตัวของธ.กลางทั่วโลก เริ่มผ่อนคลายลง โดยเราเชื่อว่าอาจจะไม่เห็นการส่งสัญญาณจะยุติการขึ้นอัตราดอกเบียในครั้งถัดไป ขณะที่ความเสี่ยงจากปัจจัยทางการเมืองและเฟลยังคงส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง
ติดตาม
- 31 พ.ค. ไทย: ตัวเลขนำเข้า-ส่งออก//ประชุม กนง.//Trade accourit ติดตาม จีน: PMI พ.ค.
- 1 มิ.ย. PMI สหรัฐ พ.ค.
- 2 มิ.ย.สหรัฐ : Average Hourly Eamings//Nonfarm Payrolls พ.ค. //อัตราว่างงาน พ.ค.
Investment Strategy
- ประเมิน SET แกว่งตัว sideway to sideway up เน้นยืนแนวรับ 1530/1518 ไม่ควรต่ำกว่าลงมา หากยืนได้มั่นคง ลุ้นทดสอบแนวต้านเส้นกลาง Bollinger band ที่ 1540 ผ่านยืนมั่นคงเป็นโมเมนตัมบวก แนวต้านไป 1550
- ตลาดยังผันผวนโดยต้องติดตามการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่มีประเด็นเรื่องปธ.สภา จะมีการพูดคุยกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลในวันที่ 30 พ.ค. นี้ ซึ่งคาดหวังการเจรจาจะหาทางออกร่วมกันได้ เพื่อผลักดันการจัดตั้งรัฐบาลในขั้นตอนถัดไป โดยหลังจากนี้ ต้องรอ กกต. ประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการภายใน 60 วัน (13 ก.ค.) และจะมีการประชุมเลือก ปธ.สภา เบื้องต้นคาดว่า 25 ก.ค. ก่อนจะมีการเลือกนายกฯ ครม.ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 เดือน ส.ค. ซึ่งตลาดคาดหวังการแต่งตั้งนายกฯ ได้สําเร็จ เพื่อให้เกิดการผ่าน งปม. รายจ่ายภาครัฐ ในช่วงปลายเดือน ส.ค. ซึ่งจะเป็นอีกฟันเฟืองที่กระตุ้นเศรษฐกิจนอกจากภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคในประเทศ
- สธ.จีน รายงานผู้ป่วยโควิดในจีน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเฉลี่ยสัปดาห์ละ 65 ล้านรายจนถึงปลายเดือน มิ.ย. ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ XBB หลังมีผู้ติดเชื้อเฉลี่ย 40 ล้านคนต่อสัปดาห์ในเดือนเม.ย. พ.ค. กระทบต่อแนวโน้มตัวเลขนักท่องเที่ยวของจีนที่อาจน้อยกว่าที่ประเมินไว้ หรืออาจเกิดมาตรการพิเศษรับนักท่องเที่ยวจากจีนมากขึ้น ทั้งนี้เรามองว่าจีนจะยังไม่สั่งปิดประเทศ แต่เป็นลบต่อกลุ่ม Re-Opening (ติดตามราว 2 อาทิตย์สําหรับผลกระทบจากโควิด)
- แนะนำ Selective buy ในกลุ่ม 1.ได้รับผลกระทบจำกัดจาก MOU ของพรรคร่วมรัฐบาล ชอบ KBANK KTB HMPRO BCH ONEE 2. เก็งกำไรกลุ่มเทคโน+อิเล็กฯ หากการเจรจาเพิ่มเพดานหนี้ได้ข้อสรุป DELTA HANA BCP
Global Markets
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่งขึ้น เนื่องจากการเจรจาเพื่อเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐมีความคืบหน้า ขณะที่หุ้นกลุ่มชิปพุ่งขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันท่ามกลางความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดพุ่งขึ้น โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง แม้ตลาดยังคงติดลบในรอบสัปดาห์ ท่ามกลางความวิตกอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาเพื่อหาข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ ฃ
(+) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดเพิ่มขึ้นในวันศุกร์ (26 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันปิโตรเลียมในช่วงวันหยุดยาวสุดสัปดาห์ เนื่องในวันรำลึกถึงผู้พลีชีพเพื่อชาติ (Memorial Day) ซึ่งตรงกับวันจันทร์ (29 พ.ค.) และความหวังเกี่ยวกับการเจรจาเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐมีความคืบหน้า
(+) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดปรับตัวขึ้น เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ของสหรัฐนั้นได้กระตุ้นแรงซื้อสัญญาทองคำในฐานะแหล่งลงทุนประกันเงินเฟ้อ
หุ้นเคาะไป คุยไป… INTUCH
- กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจในปีนี้ จะเน้นการเติบโตที่ยั่งยืนของกลุ่ม AIS ที่ในระยะสั้นได้รับประโยชน์จากการ ควบรวมของคู่แข่งที่ยังโฟกัสกับการการปรับโครงสร้างทางการเงินมากกว่าการทำการตลาด ขณะที่ในระยะยาวได้ประโยชน์จากขยายธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน ผ่านการควบรวม TTTBB ที่ทำให้ผู้ใช้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ในขณะที่โครงสร้างงบการเงิน และประสิทธิภาพการทำกำไรยังแข็งแกร่งอยู่ รวมถึงผู้เล่นที่ลดลงช่วยลดความรุนแรงในการแข่งขันด้านราคาของอุตสาหกรรม
- ส่วนแนวโน้มผลประกอบการ 2Q66 คาดวาจะขยายตัวเด่น YoY จากไม่มี THCOM มาถ่วงงบ และการฟื้นตัว ของนักท่องเที่ยวที่กระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัว ขณะที่คาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ ตามการแข่งขันด้านโปรโมชั่นที่ลดลง อย่างการยกเลิกโปรฯ ปรับตัวขึ้น และจำนวนผู้ใช้ 5G เพิ่มขึ้น
- ในเชิง Sentiment เรามองว่า INTUCH เป็นที่น่าสนใจในช่วงตลาดผันผวนทั้งปัจจัยภายในจากสถานการณ์ การเมือง และปัจจัยภายนอกจากการเจรจาเพดานหนี้ที่ยังไม่มีข้อสรุป และเข้าใกล้ X-date ประเมินผลประกอบการของ ADVANC ที่เติบโต และการลดสัดส่วนการถือหุ้น THCOM ลง ช่วยให้ผลประกอบการเติบโต ทั้งนี้ INTUCH ยังโดดเด่นด้านการจ่ายปันผลที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ