Daily Focus: Selective Play
2023SET Target: 1700
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways ตามคาด ปิดลบอีกเล็กน้อย 4.58 จุด เนื่องจากไร้ปัจจัยหนุนใหม่ทั้งในและต่างประเทศ ตลาดยังรอดูพัฒนาการเจรจาเพดานหนี้สหรัฐฯ และการจัดตั้งรัฐบาลของไทย สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1.3 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิหนาแน่นอีก 3.6 พันลบ. (และ Short Index Futures 1.2 หมิ่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways Up ในกรอบ 1,525-1,540 จุด โดยมีปัจจัยบวกจากฝั่งต่างประเทศ หลังการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯสามารถบรรลุข้อตกลงได้ อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนถัดไปต้องผ่านการลงมติของ 2 สภา และให้ไบเดนลงนาม ส่วนเส้นตายคือวันที่ 5 มิ.ย. 23 อย่างไรก็ตาม ยังมี Upside ระยะสั้นจํากัด เนื่องจากปัจจัยการเมืองในประเทศยัง Overhang หลังการจัดตั้งรัฐบาลและตำแหน่งประธานสภาฯ ยังไม่ได้ข้อสรุป ส่วนเงิน Core PCE สหรัฐฯเดือน เม.ย. ออกมาสูงกว่าคาด +0.4% m-m, +4.7% y-y สูงกว่าตลาดคาดเล็กน้อย ทําให้ตลาดเริ่มปรับมุมมองว่า FED มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องอีก 0.25% ในการประชุมเดือน มิ.ย. จากเดิมที่คาดว่าจะคงดอกเบี้ย ทำให้ Bond Yield ปรับตัวต่อเนื่อ งและคาดว่าจะจำกัด Upside ของสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่กนง.ประชุมวันพุธนี้คาดขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 2% ยังคงเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคาร ประกัน เป็นต้น ส่วนค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง เป็นบวกระยะสั้นต่อกลุ่มส่งออกหรือมีรายได้สกุลต่างประเทศมาก สัปดาห์นี้จับตาการประกาศตัวเลขส่งออกเดือน เม.ย. คาด -1.9% y-y ส่วนระยะยาว 2H23 ความเสี่ยงที่ต้องติดตามยังคงเป็นเศรษฐกิจโลกที่คาดชะลอตัว ทำให้เรายังคงเน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic มากกว่า Global Play โดยเลือกหุ้นที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐบาลใหม่จํากัด
กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกและเสี่ยงกระทบจากนโยบายรัฐบาลใหม่จํากัด// ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มที่ฐาน 1,500+- จุด
หุ้นเด่นเดือนพ.ค. : BA, BDMS, CPALL, ICHI, TOA
หุ้นเด่นวันนี้ : MAKRO
- แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 46 บาท
- แนวโน้มผลการดำาเนินงาน 2Q23 คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นจากการบริโภคใจประเทศที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากการเลือกตั้ง ขณะที่ค่า Ft ที่ปรับลงในเดือน พ.ค.-ส.ค. เป็นอีกปัจจัยหนุน ขณะที่ 2H23 เราคาดว่าจะได้ประโยชน์จากการปรับโครงสร้างเงินกู้ซึ่งทำให้ดอกเบี้ยลดลง
- เรายังคาดกำไรปกติปี 2023 ที่ 1.1 หมื่นลบ. +45% y-y นอกจากนี้ยังมี Catalyst จากการถูกเข้าคำนวณใน MSCI ซึ่งจะมีผลราคาปิดวันที่ 31 พ.ค. นี้
- แนวรับ 38 บาท แนวต้าน 41-42 บาท
Fund Flow : เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่นและเร่งขึ้นเป็น US$1,964 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$1,384 ล้าน และ US$673 ล้าน ตามลำดับ จากเม็ดเงินที่ไหลเข้าหากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีตาม Nvidia ที่ราคาปรับขึ้นแรง ส่วนอาเซียนเม็ดเงินยังผสมผสาน ไหลเข้าอินโดนีเซีย แต่ยังไหลออกจากประเทศอื่น และสูงสุดที่ไทย US$103 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลเข้าสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงขยายเพดานหนี้ ขั้นตอนต่อไปคือผ่าน 2 สภา และให้ไบเดนลงนาม
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 328.69 จุด หรือ +1.00% ปิดที่ 33,093.34 จุด การเจรจาเพื่อเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐมีความคืบหน้า
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก หนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง (+) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวก จากความคืบหน้าของการเจรจาเพดานหนี้ของสหรัฐมีความคืบหน้า
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 34.82 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 84 เซนต์ หรือ 1.17% ปิดที่ 72.67 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้ม Demand น้ำมันปิโตรเลียมในช่วงวันหยุดยาวสุดสัปดาห์นี้ เนื่องในวันรำลึกถึงผู้พลีชีพเพื่อชาติ (Memorial Day) ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นต่อที่ระดับ 73.20 ดอลลาร์/บาร์เรล 0.73%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือ 0.04% ปิดที่ 1,963.10 ดอลลาร์/ออนซ์ จากเงินเฟ้อสหรัฐที่อยู่ในระดับสูง ช่วยกระตุ้นแรงซื้อสัญญาทองคำในฐานะ Inflation hedge ในขณะที่เช้านี้ย่อตัวลงที่ระดับ 1,959.40 ดอลลาร์/ออนซ์ -0.19%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 941.29 /-