บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:
Thailand Energy Sector ธุรกิจปลายน้ำกำลังรุ่ง
แนวโน้มดี แต่ราคาหุ้นยังถูก
เราเริ่มต้นบทวิเคราะห์หุ้นกลุ่มโรงกลั่น 4 ราย ได้แก่ BCP, TOP, SPRC และ IRPC ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” จากแนวโน้มอุตสาหกรรมเริ่มเป็นบวก ขณะที่ราคาหุ้นยังต่ำ เราประเมินแนวโน้มค่าการกลั่นจะเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดว่าอุปสงค์/อุปทานที่ตึงตัวจะมีความสมดุลมากขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้า ทว่าราคาหุ้นวยังคงอยู่ในระดับที่ถือว่าต่ำ โดยมี บางตัวที่เทรดกันในราคาที่สูงกว่าช่วงที่ร่วงแรงในช่วงโควิดระบาดเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ เราประเมินว่าค่าการกลั่น (GRM) ที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาหุ้นดีดตัวขึ้น เราเลือก BCP เป็นหุ้นเด่น
ตลาดอาจตึงตัวไปจนถึงปี 2568
เรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้มค่าการกลั่น และประเมินค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ (Singapore GRM) จะเฉลี่ยอยู่ที่ 7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในปี 2566-2568 ซึ่งอยู่ในกรอบบน โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เราพบว่าอุปทานสะสมของผลิตภัณฑ์กลั่นยังขาดดุลอยู่ 1.4mbd ซึ่งจะช่วยผลักดันให้โรงกลั่นทั่วโลกเพิ่มอัตราการใช้กำลังการกลั่นเป็น 82% ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ใช้กันในวัฏจักรขาขึ้น โดยหากมองในระดับภูมิภาคแล้ว ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ไม่รวมจีน อาจมีการขาดดุลมากที่สุด (0.62mbd) โดยตะวันออกกลาง และจีนมีอุปทานส่วนเกินเล็กน้อย ด้วยศักยภาพที่จีนจะยอมลดการส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันภายในปี 2568 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม ภาวะอุปทานตึงตัวจึง อาจจะต่อเนื่องไปยาวนานเกินกว่าปี 68 สำหรับตอนนี้ เราคาดว่าค่าการกลั่นจะลดลงเหลือ 6.5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในปี 2569 และ 5.5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในระยะยาว (เทียบกับค่าเฉลี่ย 6.1 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในปี 2549-2562)
ปัจจัยหนุนระยะสั้นสำหรับค่าการกลั่น
ในระยะสั้น เราพบว่ามีหลากหลายปัจจัยที่จะหนุนค่าการกลั่นให้สูงขึ้นได้ 1) เพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล (เพิ่มขึ้นประมาณ 2mbd MoM ตั้งแต่ พ.ค.- มิ.ย.) เพื่อรองรับการเติบโตของอุปสงค์ 2) สต็อกผลิตภัณฑ์กลั่นยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งปริมาณน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นคงคลังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี 7% และ 16% ตามลำดับ 3) จากโควตาการส่งออกที่ลดลง 53% โดยการส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันของจีนมีแนวโน้มลดลงอีก หลังจากที่ลดลง 34% 29% MoM ในเดือนมี.ค. และ เม.ย. นอกจากนี้ โรงกลั่นของไทยน่าจะได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบและค่าขนส่งที่ลดลง โดยในปี 2567 นี้ การอัปเกรด EURO5 น่าจะทำให้โรงกลั่นของไทยมีกำไรเพิ่มขึ้น
แนะนำ “ซื้อ” หุ้นโรงกลั่นไทย เราเลือก BCP เป็นหุ้นเด่น
จากที่เราแนะนำ “ซื้อ” หุ้นโรงกลั่นทั้งหมดที่เราวิเคราะห์ เราเลือก BCP เป็นหุ้นเด่น เนื่องจากมีศักยภาพในการเติบโตจากการเข้าซื้อกิจการ ESSO Thailand (ESSO TB ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์) BCP ตั้งเป้ากำไรปกติเติบโต 36% ในปี 2567 โดยมีอัพไซด์สูงถึง 29% จากการ Synergy ขณะที่ P/BV ปี 2567 ที่ 0.7 เท่า ถือว่ายังต่ำกว่าช่วงที่หุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้นด้วยซ้ำ โดยที่ P/BV ก่อนการควบรวมกิจการอยู่ที่ 1.4 เท่า นอกจากนี้ BCP ยังมีราคาถูกที่สุดในบรรดาคู่แข่งที่ 5 เท่าในปี 2567 ในขณะที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงสุดที่ 7-9% ในปี 2566-67 ดาวน์ไซด์จะอยู่ที่การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และการเปลี่ยนแปลงนโยบายการส่งออกเชื้อเพลิงของจีน