KS Daily View 02.06.2023 >>> SET ปรับตัวขึ้นตามภูมิภาค หลังแรงกดดันการขึ้นดอกเบี้ย Fed คลายตัว SET คาดแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,490-1,555 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ TIDLOR, AAV
สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้
ต่างประเทศ: ดัชนี +0.47%, S&P 500 +0.99%, และ NASDAQ +1.28% โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ IT (+1.33%), Energy (+1.23%), Consumer Discretionary (+1.22%) ส่วน Sector ที่ underperform ได้แก่ Utilities (-0.78%) และ Consumer Staple (-0.09%)
ในประเทศ: SET Index -12.14pts. หรือ -0.79% เป็น 1,521.40 หุ้นใน SET100 ที่หนุนตลาดคือ RBF (+6.9%), AAV (+3.7%), MEGA (+3.2%), AMATA (+2.7%) ขณะที่ตัวที่ปรับตัวแย่กว่าตลาดได้แก่ PSL (-5.4%), BGRIM (-4.7%), TIDLOR (-4.5%) เป็นต้น
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
ประเมินตลาดหุ้นไทย แกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,490-1,555 จุด ปรับตัวขึ้นตามภูมิภาคหลังแรงกดดันจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดคลายตัวจากแนวโน้มเงินเฟ้อชะลอตัว เราคาดตลาดหุ้นไทยเดือน มิ.ย. จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ จากความไม่แน่นอนทางการเมือง/การคลัง และความกังวลเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกล คงเป้า SET Index ที่ 1,666 จุด จากคาดการณ์ soft landing ของเศรษฐกิจโลก และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่ราบรื่น เป้าของเราอิงบน PER ที่ 15.60 เท่า (+0.5SD)
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1) โอกาสขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือน มิ.ย. ลดลงหลังข้อมูลค่าแรงใน ADP ชะลอตัวลงกอปรกับ ดัชนีราคาในส่วนของข้อมูลประกอบใน ISM ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ความกังวลประเด็นเรื่องเงินเฟ้อจากตลาดแรงงานตึงตัวคลี่คลาย ส่งผลบวกต่อบรรยากาศลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
2) เราวิเคราะห์ความอ่อนไหวของนโยบายรัฐบาลต่อประมาณการกำไรของเราปี 2567 พบว่านโยบายที่เป็นบวกกับกับกำไรได้แก่ อัตราค่าไฟฟ้าที่ลดลง -10% จะเพิ่ม upside ต่อกำไรของตลาดในปี 2567 ที่ 0.8%; การเติบโตของ GDP ที่เพิ่มขึ้น 1% จะเพิ่ม upside ต่อกำไรของตลาดในปี 2567 ที่ 2.4%; ราคาน้ำมันดีเซลที่ลดลง -10% จะเพิ่ม upside ต่อกำไรของตลาดในปี 2567 ที่ 0.3% เป็นต้น ส่วนนโยบายที่เป็นลบได้แก่ การเก็บภาษีความมั่งคั่ง Wealth tax 0.5% / Capital gain tax จะกระทบกับ SET Index โดยตรง ทำให้มีแรงขายกดดัน Valuation ของตลาด; การเพิ่มภาษีนิติบุคคล 10% จะลด upside ต่อกำไรของตลาดในปี 2567 ลง -8.8%; การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 10% จะลดกำไรของตลาดปี 2567 ลง -1% และทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้น 30bps; การเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม 3% จะลด upside ต่อกำไรของตลาดในปี 2567 ลง -0.7% เป็นต้น
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
เลือกหุ้นส่งออกที่ได้ประโยชน์จาการอ่อนค่าของเงินบาท หุ้นธนาคารพาณิชย์จากการขึ้นดอกเบี้ยของ ธปท. หนุน NIM ขยายตัวและหุ้น K ขาล่าง ที่ได้ประโยชน์จากนโยบายกระจายรายได้ของพรรคก้าวไกล/อัดฉีดเงินลงระบบของเพื่อไทยคาดว่าจะยัง outperform ได้ต่อ โดยสัปดาห์นี้เราเลือก GFPT (ราคาพื้นฐาน 13.60 บาท), PTG (ราคาพื้นฐาน 16.20 บาท), TIDLOR (ราคาพื้นฐาน 30 บาท), TTB (ราคาพื้นฐาน 1.73 บาท), และ SNNP (ราคาพื้นฐาน 30.30 บาท) เป็นต้น
หุ้นแนะนำวันนี้
Top pick: TIDLOR (ราคาพื้นฐาน 30 บาท) เรามีมุมมองที่เป็นบวกต่อการประชุมนักวิเคราะห์ของ TIDLOR เมื่อวานนี้ เนื่องจากผู้บริหารปรับลดเป้า NPL และ credit cost ในปี 2566 NPL และ credit cost จะผ่านจุดสูงสุดกลางปีนี้ TIDLOR จะเป็นผู้ให้บริการรายแรกที่ออกจากวัฏจักร NPL ในปี 2566 เราชอบกลยุทธ์การเติบโตของสินเชื่อที่ดีเช่นกัน
AAV (ราคาพื้นฐาน 3.10 บาท) เราคาดว่ากำไรจะปรับขึ้นในไตรมาส 2/2566 จากราคาน้ำมันอากาศยานที่ลดลง เนื่องจากปัจจุบัน AAV ไม่มีสถานะป้องกันความเสี่ยง ค่าโดยสารเฉลี่ยที่สูงขึ้นซึ่งแสดงถึงการแข่งขันที่เริ่มผ่อนคลายในอุตสาหกรรมการบิน AAV มีการเพิ่มจำนวนเครื่องบินเพื่อให้บริการจาก 45 ลำใน 1Q23 เป็น 48/50/53 ลำใน 2Q23-4Q23 นอกจากนี้ประเมินนักท่องเที่ยวจีนจะทยอยมามากขึ้นจากการที่รัฐเร่งแก้ปัญหาการออกวีซ่ากรุ๊ปทัวร์ ราคาเป้าหมายของเราที่ 3.10 บาท อิงตาม PER ล่วงหน้า 12 เดือนที่ 14.6 เท่า หรือประมาณ 2SD สูงกว่าค่าเฉลี่ย PER ล่วงหน้า 12 เดือนของตลาดสำหรับสายการบินต้นทุนต่ำในช่วงปี 2557-62
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ:
- วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลข US Unemployment Rate เดือนพ.ค. คาดที่ 3.5% จากเดือนที่ผ่านมา 3.4% ตัวเลข US Non-Farm Payrolls เดือนพ.ค. คาดที่ +195,000 ตำแหน่ง จากเดือนที่ผ่านมา 253,000 ตำแหน่ง ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงของสหรัฐฯ เดือน พ.ค. คาด +0.3% MoM และ +4.4% YoY