KS Daily View 08.06.2023 >>> จับตาประชุม Fed สัปดาห์หน้า ติดตามการเมืองไทย/ เงินเฟ้อสหรัฐฯ SET คาดแกว่งตัวในกรอบ 1,520 – 1,535/1,555 จุด หุ้นแนะนำ MINT, BCP
สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้
ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA +0.27%, S&P 500 -0.38%, NASDAQ -1.29% โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Energy (+2.7%), Real Estate (+1.75%), Utilitites (+1.7%) ส่วน Sector ที่ underperform ได้แก่ Communication services (-1.9%), IT (-1.6%)
ในประเทศ: SET Index +4.67pts. หรือ +0.31% ปิดตลาดที่ 1,533.21 ตัวขับเคลื่อนสำคัญคือ PTTEP (+3.4%), TRUE (+4.6%), EA (+4.1%), GULF (+1.1%) ขณะที่ตัวฉุดหลักคือ DELTA (-1.0%), CPALL (-1.2%), BDMS (-0.9%), SCGP (-1.9%)
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ: คาด SET Index แกว่งตัวรอปัจจัยใหม่ โดยประเมินกรอบการซื้อขายที่ 1,520-1,535/1,555 จุด แม้ข่าวตัวเลขเศรษฐกิจไทยจากทางกกร.ยังมอง GDP ไทยสามารถเติบโตได้ดี 3.0-3.5% ในปี 2566 แต่นักลงทุนในตลาดดูไม่มีความเชื่อมั่นหลังดัชนีความเชื่อมั่นจากทาง FETCO ออกมาลดลงสู่ระดับซบเซา คาดรอความชัดเจนทั้งปัจจัยการเมืองในประเทศ เงินเฟ้อสหรัฐฯ คืนวันอังคารที่ 13 มิ.ย. และประชุม Fed กลางสัปดาห์หน้า
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1.) FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือน หรือเดือน ส.ค. 66 ปรับลงสู่เกณฑ์ “ซบเซา” เป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน โดยปัจจัยฉุดมาจากความไม่แน่นอนภายในประเทศและกังวลเศรษฐกิจถดถอย
2.) กกร.คงคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโต 3.0-3.5% แรงหนุนจากนักท่องเที่ยว 30 ล้านคน และการบริโภคในประเทศฟื้น ยอมรับกังวลเศรษฐกิจโลกครึ่งปีหลังชะลอ ฉุดส่งออกติดลบ 1% ขณะที่การปรับขึ้นค่าแรงของรัฐบาลใหม่เป็น 450 บาท หวั่นอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เงินเฟ้อพุ่ง
3.) สำนักงานศุลกากรจีนระบุว่า ตัวเลขส่งออกจีนเดือน พ.ค. -7.5% YoY ต่ำกว่าคาดที่ -0.4% YoY โดยยอดส่งออกของจีนปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เนื่องจากความต้องการสินค้าจีนในตลาดโลกชะลอตัวลง ทั้งนี้ข้อมูลการค้าของจีนที่ออกมาหดตัวและต่ำกว่าคาดทำให้นักวิเคราะห์ในตลาดมองทางการจีนอาจมีการออกมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อพยุงการเติบโตของ GDP ที่ 5% รวมถึงเพื่อกระตุ้นภาคการผลิตและบริการให้ขยายตัว
4.) รมต.คลังสหรัฐฯ เจเน็ต เยลเลน ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อโดยให้ความเห็นว่าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯกำลังปรับตัวลดลงขณะที่ตลาดแรงงานยังแข็งแกร่งแม้เห็นสัญญาณการอ่อนตัวของตลาดแรงงานลงบ้าง โดยประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อจะทะยอยปรับตัวลดลงต่อเนื่องภายในช่วง 2 ปีหน้า
5.) Bank of Canada (BOC) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25bps จาก 4.50% เป็น 4.75% แตะระดับอัตราดอกเบี้ยสูงสุดในรอบ 22 ปี โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ถือเป็นการ surprise ตลาดที่มองว่าจะไม่มีการปรับขึ้นในรอบการประชุมนี้ BOC มองการใช้จ่ายของภาคเอกชนมีการเร่งตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของภาคบริการ อีกทั้งกิจกรรมทางธุรกิจในกลุ่มตลาดอสังหาฯปรับตัวเพิ่มขึ้นท่ามกลางตลาดแรงงานที่ตึงตัวจึงตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
นักลงทุนอาจเลือกทยอยสะสมหุ้นกลุ่ม Global play ที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวลงมาเยอะจน valuation เริ่มน่าสนใจคาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของอุปสงค์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน เช่น PTTGC, TOP เป็นต้น ขณะเดียวกันมองกลุ่ม Finance และ Quality growth ได้ sentiment บวกจากการชะลอขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และ ธปท. ได้แก่ TIDLOR, SAK, BE8 เป็นต้น นอกจากนี้มองว่าหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวจะได้อานิสงค์จากนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน จากจำนวน flights บินที่เพิ่มเป็น 430 เที่ยวต่อสัปดาห์ในเดือน มิ.ย. จากปัจจุบันที่มีกว่า 100 เที่ยวบิน ต่อสัปดาห์
หุ้นแนะนำวันนี้
Top pick:
- MINT (ราคาพื้นฐาน 40.88 บาท) แม้ว่า MINT จะรายงานผลขาดทุนในไตรมาส 1/2566 แต่เราคาดว่าไตรมาส 2/2566 จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจาก NHH มักจะรายงานผลขาดทุนในไตรมาส 1 และจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป โดยเราประเมินกำไรปกติของ MINT ในไตรมาส 2/2566 จะแตะระดับสูงสุดของประมาณการกำไรปี 2566 ของเรา
- BCP (ราคาพื้นฐาน 39.2 บาท) ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นส่งผลต่อแนวโน้มครึ่งปีหลังจะดีขึ้น HoH จาก GRM ที่สูงขึ้นและได้ประโยชน์จากการซื้อหุ้น ESSO โรงไฟฟ้าแห่งใหม่ในสหรัฐฯ การกลับมาผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าพลังน้ำ และการซื้อแหล่งสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพิ่มเติม คำแนะนำซื้อที่ราคา 39.2 คำนวณจาก PBV ที่ -0.5SD เนื่องจาก 1) แนวโน้มอุตสาหกรรมโรงกลั่นที่ดีในระยะยาว 2) กำไรที่ค่อนข้างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งในประเทศ 3) โอกาสการปรับเพิ่มตัวคูณมูลค่าหุ้นจาก ROE ที่สูงขึ้นภายหลังการเข้าซื้อกิจการ ESSO (11-12% ซึ่งสูงกว่า WACC) และ 4) upside ที่อาจเกิดขึ้นจากการผนึกกำลังกับ ESSO
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ:
- วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขผู้รับสวัสดิการสหรัฐฯ ตลาดมองเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 239k (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ 232k)
- วันศุกร์ ติดตาม China CPI คาด +0.2% YoY (เทียบจาก +0.1% YoY ในเดือนก่อนหน้า) และติดตาม ตัวเลข Consumer Confidence Index ของไทย ที่ตลาดมองทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนที่แล้วที่ 55 จุด