วันน้ีคาดตลาด “Sideways”

แนวรับ 1,525 / 1,520 แนวต้าน 1,540 / 1,545 น้ำมันเริ่มฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง จากความกังวลอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว หนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มพลังงานประคองตลาด พร้อมต่างชาติกลับมาซื้อหุ้น ฟิวเจอร์ส และบอนด์ไทย ช่วยจำกัด Downside ของตลาด

Our View? “Downside จำกัดลง”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,525 / 1,520 และแนวต้านที่บริเวณ 1,540 /1,545 เรามองตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้าสนับสนุนการฟื้นตัวขึ้นได้ดี โดยยังคงให้น้ำหนักต่อการประชุม FOMC ในวันที่ 13-14 มิ.ย. นี้ เพื่อประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อหรือไม่ โดยเราคาดว่าตลาดอาจเริ่มกลับมากังวลการขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% บ้างหลังจากที่เมื่อคืนนี้ธนาคารกลางแคนาดา (BOC) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 4.75% ผิดไปจากที่ตลาดคาดที่จะคงไว้ที่ระดับ 4.50% กระตุ้นความกังวลว่า FED อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นเดียวกัน โดยล่าสุด CME FED Watch Tools เพิ่มน้ำหนักที่ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 5.50% ที่นํ้าหนัก 30.0+/- จากก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 20.0%+/- อย่างไรก็ดี เรายังคงคาดการณ์ FED จะยังคงอัตราดอกเบี้ยต่อไป เพื่อประเมินผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ สหรัฐ อีกทั้งเศรษฐกิจสหรัฐยังเผชิญปัญหาธนาคารและความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลงใน 3Q′66 คาดจะหนุนให้ FED คงอัตราดอกเบี้ยได้ต่อ

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ก.ค. เมื่อคืนนี้ฟื้นตัวขึ้นปิดที่ระดับ 72.53 ดอลลาร์ / บาร์เรล +0.79 ดอลลาร์ (+1.10%) คาดได้รับแรงหนุนจากการรายงานตัวเลขสต็อกนํ้ามันดิบสหรัฐออกมาลดลง 4.52 แสนบาร์เรล สวนทางจากที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.50 แสนบาร์เรล สะท้อนอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐยังแข็งแกร่ง รวมทั้งยังคงได้รับแรงหนุนจากการที่ซาอุดิอาระเบียจะปรับลดกำลังการผลิตอีก 1 ล้านบาร์เรล/วัน โดยสมัครใจลงเหลือ 9 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือน ก.ค. คาดจะหนุน ทิศทางหุ้นในกลุ่มพลังงานและโรงกลั่นปรับตัวขึ้นได้ สําหรับปัจจัยภายในประเทศเรามีมุมมองเชิงบวกอ่อนๆ ต่อการที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทย 1.6 พันล้านบาท พร้อมอยู่ในฝั่ง Long SET50 Index Futures 1.05 หมื่นสัญญา อีกทั้งยังกลับมาชื้อพันธบัตรไทยอีก 80.71 ล้านดอลลาร์ เรามองเป็นสัญญาณถึงแนวโน้มการชะลอการขายต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติในช่วงเดือนที่ผ่านมา คาดจะเป็นปัจจัยจำกัด Downside ของตลาดหุ้นไทยได้บ้าง

อย่างไรก็ตามเรายังคงคาดตลาดหุ้นไทยยังคงถูกจำกัด Upside จากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยังเป็นปัจจัย Overhang กดดันตลาดได้อยู่ ทั้งนี้เรายังแนะนำให้ทยอยซื้อสะสมเมื่ออ่อนตัวสำหรับหุ้นในกลุ่ม Domestic ในประเทศ 1.) หุ้นในกลุ่มธนาคารฯ (KBANK, SCB, BBL, KTB และ TTB) ปรับตัวขึ้นได้ จากแนวโน้มผลประกอบการ 2Q66 ที่มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นต่อตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น รวมทั้งเราเริ่มเห็นอัตราการเติบโตของสินเชื่อในบางธนาคารฟื้นตัวขึ้นบ้างแล้ว 2.) หุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, MAKRO, BJC, DOHOME และ GLOBAL) ที่เราคาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และอยู่ในภาพการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวในประเทศจากการบริโภคและการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ รวมทั้งยังได้รับประโยชน์จากแนวโน้มค่าไฟที่ปรับลดลง รวมทั้ง 3.) หุ้นในกลุ่มส่งออกสินค้าเกษตร (TU, GFPT, TFG และ CPF) จากตัวเลขการส่งออกสินค้าเกษตรยังคงขยายตัว 23.8% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 รวมทั้งราคาเนื้อสัตว์ที่เริ่มทยอยปรับตัวขึ้นบ้างแล้ว คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวก หนุนทิศทางหุ้นดังกล่าวฟื้นตัวขึ้นได้

ธีมการลงทุน “SelectivePlay”

หุ้นแนะนําวันนี้ “TOP”

  • กลยุทธ์ เล่นรีบาวด์ แนวรับ 44.00 / 43.50 Target 47.00 / 48.50 Stop <43.00
  • คาดได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI. จะยืนฟื้นอยู่ที่ระดับราว 70 เหรียญ+/- รวมทั้งค่าการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 12.2% ในสัปดาห์นี้
  • ทางเทคนิคใน TF2 ช.ม. เริ่มวกตัวขึ้นในกรอบขาลง พร้อม MACD และ RSI วกตัวกลับขึ้นแล้ว

- Advertisement -