Daily Focus: Key Resistance at 1,570+- 

2023SET Target: 1620

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งกว่าภูมิภาค และที่เราคาดค่อนข้างมาก ปิดบวกถึง 26.29 จุด ณ สิ้นวัน โดยมีแรงซื้อหนาแน่นในหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่ม Global Play อย่างพลังงาน ปิโตรฯ เป็นต้น โดยคาดหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่น 2.2 พันลบ.และ 1.8 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Long Index Futures สูงถึงเกือบ 3.7 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index มีแกว่ง Sideways to Sideways Up ได้ หลังจากปรับตัวขึ้นแรงทะลุผ่าน 1,545 จุด วานนี้ ทำให้ภาพทางเทคนิคเป็นบวกมากขึ้น โดยคาดยังได้อานิสงส์จากกระแสเงินทุนที่เห็นสัญญาณไหลเข้าในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม กลุ่มพลังงานอาจลดความร้อนแรงลงบ้างหลังจากปรับขึ้นแกร่งในช่วงหลายวันก่อนหน้า หลังราคาน้ำมันดิบเริ่มพักตัว หลังมีข่าวลือสหรัฐฯ ใกล้บรรลุดีลนิวเคลียร์กับอิหร่าน ส่วนโฟกัสตลาดระยะนี้ยังคงอยู่ที่ตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ เดือน พ.ค. และการประชุม FOMC สัปดาห์หน้า โดยตลาดคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5-5.25% แต่ยังไม่ปิดโอกาสในการปรับขึ้นในเดือน ก.ค. หากเงินเฟ้อยังลงช้า ส่วนปัจจัยในประเทศยังคงติดตามพัฒนาการในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งหากสามารถลุล่วง เราคาดว่าตลาดจะตอบรับเป็นบวกในระยะสั้น และให้น้ำหนักกับนโยบายเศรษฐกิจที่จะออกมาในระยะถัดไป ภาพรวมเรามอง Upside ของสินทรัพย์เสี่ยงยังไม่กว้างนักจาก Bond Yield ที่ยังทรงตัวสูง ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจโลก 2H23 คาดเห็นการชะลอที่ชัดขึ้น เราจึงยังคงเน้นเลือกลงทุนในกลุ่ม Domestic Play เป็นหลัก ส่วน Global Play แนะน่าเพียงเก็งกำไรระยะสั้นตาม ราคา Commodity ที่อาจได้อานิสงส์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวก และมีแนวโน้มกำไร 2Q23-2H23 แข็งแกร่ง//ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มที่ฐาน 1,500+- จุด

หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : BDMS, CPN, MAKRO, MINT, ORI

หุ้นเด่นวันนี้ : MINT

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 40 บาท
  • แนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q23 คาดว่าจะกลับมาแข็งแกร่งจากโรงแรมในยุโรปที่เข้า High Season หนุน RevPar ที่กลับมาสูงกว่าก่อนโควิด 35% ในเดือน เม.ย. ขณะที่ธุรกิจอาหาร คาดยังเห็น SSSG เป็นบวกแข็งแกร่งต่อเนื่อง ขณะที่ฝั่งต้นทุนผ่อนคลายลงตามวัตถุดิบและค่าไฟ
  • ภาพรวมคาดว่า EBITDA Margin และกำไรปกติจะกลับไปเกือบเท่าปี 2019 ในปีนี้ และเหนือกว่าได้ในปีหน้า เราคาดกำไรปกติปี 2023-2024 ที่ 5.5 พันลบ. +172% y-y และ 7 พันลบ. +28% y-y ตามลำดับ
  • แนวรับ 33.50-33 บาท แนวต้าน 35.50-36 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่น US$1,217 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$756 ล้าน และ US$467 ล้าน ตามลำดับ หลังจากที่ไหลเข้า และหนุนดัชนีบวกได้แกร่งต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้าจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมาระยะสั้น ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกเกือบทุกประเทศ มีเพียงไทยที่ไหลเข้าติดต่อกันเป็นวันที่ 2 อีก US$53 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ามีโอกาสพลิกมาไหลเข้าจากความคาดหวัง FED คงอัตราดอกเบี้ยสัปดาห์หน้า ทำให้ Bond Yield และ Dollar Index ย่อตัวลง

ประเด็นสําคัญวันนี้

(+) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ค. ฟื้นตัวต่อเนื่อง เป็น 55.7 จากเดือนก่อนที่ 55 โดยเป็นระดับสูงสุดในรอบ 39 เดือน อย่างไรก็ตาม ยังคงห่างจากระดับก่อนโควิดที่ราว 70-80 อยู่พอสมควร สะท้อนว่าการฟื้นตัวยังไม่กลับสู่ระดับปกติ และยังมีช่องว่างให้ฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง เรามองเป็นบวกอ่อนๆต่อกลุ่มการบริโภค ได้แก่ ค้าปลีก อาหาร เครื่องดื่ม

(+) SIRI ยอด Presales YTD ทำได้แล้ว 1.5 หมื่นลบ. คิดเป็น 33% ของเป้าทั้งปี โดยยอด Presales 2QTD อยู่ที่ 7.1 พันลบ. ถือว่าเป็นโมเมนตัมการขายที่ดี โดยเฉพาะเดือนพ.ค.ที่เร่งขึ้นหลังทยอยเปิดตัวโครงการใหม่ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน เราคาดว่ายอด Presales 2Q23 จะขยายตัวได้ทั้ง q-q และ y-y (vs 1Q23 8.1 พันลบ., 2Q22 = 7.3 พันลบ.) ไฮไลท์คือ = แนวราบ High-end อย่าง เศรษฐสิริ ดอนเมือง มูลค่า 4.3 พันลบ. ราคาขายเฉลี่ย 16 ลบ./ยูนิต เปิดตัว 20 พ.ค. และนาราสิริ พหล-วัชรพล ราคาขายเฉลี่ย 45 ลบ./ยูนิต เปิดตัวช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทั้ง 2 โครงการปัจจุบันทำยอดขายได้ราว 600 ลบ. และ 700 ลบ. ตามลำดับ (เทียบกับเป้าบริษัทที่ 1 พันลบ./โครงการ ซึ่งมองว่ายังเป็นไปได้) แนวโน้มกำไร 2Q23 ทรงตัวสูง q-q และโตเด่น y-y ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดบน 2023PER 7 เท่าและให้ Dividend Yield 7% ต่อปี คงราคาเป้าหมาย 2.20 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) SISB เราปรับประมาณการกำไรปี 2023-2025 ขึ้น 17%, 23%, 26% ตามลำดับ จำนวนนักเรียนยังเพิ่มสูงเกินคาดจนผู้บริหารมีแนวโน้มปรับเป้านักเรียนสิ้นปีนี้จาก 3,700 คนขึ้นอีก 8- 10% ซึ่งหมายถึงจำนวนนักเรียนในปี 2023 จะเพิ่มขึ้นประมาณ 900 คนเป็น New High สำหรับสาขาใหม่ที่นนทบุรีและระยองก่อสร้างแล้วเสร็จ 100% และ 80% ตามลำดับ Demand ยังคงสูงต่อเนื่อง ที่นนทบุรีมีแนวโน้มว่านักเรียนในช่วงเปิดโรงเรียนน่าจะได้ 200-250 คน (เดิมไม่ถึง 200 คน) ส่วนระยองน่าจะทำได้ 100-150 คน จากการปรับประมาณการใหม่ กำไรปี 2023- 2025 โต 92%, 32%, 23% ตามลำดับ ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 45 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(0) คาดการณ์หุ้นเข้าออก SET50/SET100 สำหรับ SET50 หุ้นที่คาดเข้าคือ TLI WHA ออก JMT JMART ส่วน SET100 คาดหุ้นหุ้นคือ AEONTS AURA BTG ERW MBK SNNP TASCO TLI หุ้นออก BEC EPG JAS KEX ONEE QH RBF SINGER

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 168.59 จุด หรือ +0.50% ปิดที่ 33,833.61 จุด สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด ซึ่งภาพตลาดแรงงานที่อ่อนแอ ทำให้นักลงทุนคาดหวังว่า FED อาจจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบเล็กน้อย จากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่ออัตรา ดอกเบี้ยและกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวลงจากการคาดการณ์ว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ ขณะที่การคาดการณ์เงินเฟ้อของจีนยังคงอยู่ในระดับต่ำ

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.62 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 1.24 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 71.29 ดอลลาร์/บาร์เรล จากสื่อรายงานว่า สหรัฐและอิหร่านใกล้บรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ ซึ่งจะนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ทำให้อิหร่านสามารถส่งออกน้ำมันได้ ในขณะที่เช้านี้ปรับลงต่อที่ระดับ 71.17 ดอลลาร์/บาร์เรล – 0.17%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 20.20 ดอลลาร์ หรือ 1.03 % ปิดที่ 1,978.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลล์ .05 ต่อที่ระดับ 1,979.50 ดอลลาร์/ออนซ์ +0.05% ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้น

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 934.64 / –

- Advertisement -