วันนี้คาดตลาด “Sideways”

แนวรับ 1,525 / 1,520 แนวต้าน 1,540 / 1,545 คาดตลาดจะติดตามการประชุม FED, ECB และ BOJ จำกัดการเคลื่อนไหวของตลาดในระยะสั้นได้บ้าง ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศต้องติดตาม สถานการณ์ทางการเมืองต่อไป

Our View? “ติดตามการประชุม FOMC”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,550 / 1,540 และแนวต้านที่บริเวณ 1,560 / 1,570 เรามองตลาดจะให้น้ำหนักไปกับการติดตามตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐเพื่อประเมินถึงแนวโน้มของการใช้นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในการประชุม FOMC วันที่ 13-14 มิ.ย. นี้ โดยเราคาดว่าตัวเลข CPI เดือน พ.ค. จะออกมาอยู่ที่ระดับ +0.2% MoM และ +4.1% YoY สะท้อนทิศทางเงินเฟ้อยังอยู่ในภาพของการชะลอตัวลงแบบค่อยเป็นค่อยไป และคาดว่าจะส่งผลให้ตลาดกลับมาพูดถึงการหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED แล้ว แต่ต้องประเมินถึงแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ FED ผ่าน Dot Plot คาดจะทำให้ตลาดเริ่ม ผ่อนคลายได้ในระยะถัดไป อีกทั้งเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการรายงานข้อมูลเงินฝาก และกิจกรรมการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์สหรัฐเริ่มเพิ่มขึ้น โดยยอดเงินฝากเพิ่มขึ้น 4.66 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 17.24 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น 4.6 พันล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 12.14 ล้านล้านดอลลาร์ บ่งชี้ความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตธนาคารสหรัฐเริ่มผ่อนคลายลงแล้ว มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยง รวมทั้งยังเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐอาจรอดพ้นการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง (Hard Landing) ได้ ขณะที่การประชุม ECB ของธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 15 มิ.ย. นี้ และการประชุม BOJ ของ ธนาคารกลางญี่ปุ่นในวันที่ 15-16 มิ.ย. เราคาดว่า ECB คาดจะมีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ตามระดับ อัตราเงินเฟ้อของยุโรปยังอยู่ในระดับสูง แต่คาดว่า BOJ น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยต่อไปที่ระดับ -0.10% เพื่อหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น คาดจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยสำคัญ

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ก.ค. อ่อนตัวลงปิดที่ระดับ 70.17 ดอลลาร์/บาร์เรล -1.12 ดอลลาร์ (-1.57%) ได้รับแรงกดดันจากการรายงานตัวเลขแท่นขุดเจาะน้ำมันในแคนาดาเพิ่มขึ้น 34 แท่นจากการกลับมาดำเนินงานของบริษัทผลิตน้ำมันหลังปิดจากการเผชิญปัญหาไฟป่าก่อนหน้า กระตุ้นความกังวลอุปทานน้ำมันดิบอาจเพิ่มขึ้นได้ในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เรายังมองการที่ซาอุดิอาระเบียจะปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจลงอีก 1 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือน ก.ค. สู่ระดับการผลิตเพียง 9 ล้านบาร์เรล/วัน คาดจะจำกัด Downside ของทิศทางราคาน้ำมันดิบได้อยู่

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ เรามองยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้าสนับสนุนการฟื้นตัวขึ้นได้ดี โดยยังให้น้ำหนักหลักไปกับการรอติดตามความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลยังเป็นปัจจัย Overhang กดดันตลาดได้อยู่ ทั้งนี้เรายังแนะนำให้ทยอยซื้อสะสมเมื่ออ่อนตัวสำหรับหุ้นในกลุ่ม Domestic ในประเทศ 1.) หุ้นในกลุ่มธนาคารฯ (KBANK, SCB, และ BBL) ปรับตัวขึ้นได้จากแนวโน้มผลประกอบการ 2Q’66 ที่มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นต่อตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น  รวมทั้งเราเริ่มเห็นอัตราการเติบโตของสินเชื่อในบางธนาคารฟื้นตัวขึ้นบ้างแล้ว 2.) หุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, MAKRO, BJC, DOHOME และ GLOBAL) ที่เราคาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และอยู่ในภาพการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวในประเทศจากการบริโภคและการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ รวมทั้งยังได้รับประโยชน์จากแนวโน้มค่าไฟที่ปรับลดลง รวมทั้ง 3.) หุ้นในกลุ่มส่งออกสินค้าเกษตร (TU, GFPT, TFG และ CPF) จากตัวเลขการส่งออกสินค้าเกษตรยังคงขยายตัว 23.8% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 รวมทั้งราคาเนื้อสัตว์ที่เริ่มทยอยปรับตัวขึ้นบ้างแล้ว คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกหนุนทิศทางหุ้นดังกล่าวพื้นตัวขึ้นได้

ธีมการลงทุน “SelectivePlay”

หุ้นแนะนาวันน้ี “OR”

  • กลยุทธ์ ย่อซื้อเล่นรีบาวด์ แนวรับ 20.50 / 20.00 Target 21.60 / 23.00 Stop <19.60
  • คาด 2Q’66 ผลการดำเนินงานยังทำได้ดี จากค่าการตลาดที่ยังอยู่ในระดับสูง และแรงกดดันจากค่าการตลาดดีเซลที่ต่ำ ในช่วงที่คุมราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกไม่เกิน 35 บาทหมดไป
  • ทางเทคนิคใน ราคาเริ่มไม่ทำ Low ใหม่ ฟื้นตัวขึ้นยืนเหนือ EMA10 วัน

- Advertisement -