Daily Focus: Big Cap and Selective Play 

2023SET Target: 1620

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ในกรอบแคบ โดยปิดลบเล็กน้อย 1.25 จุด ณ สิ้นวัน ส่วนมูลค่าการซื้อขายบางลงจากวันก่อนหน้าเหลือ 3.7 หมื่นลบ. ตลาดรอติดตามการประชุม FED เมื่อคืนที่ผ่านมา  สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 94 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 758 ลบ. (แต่ยัง Long Index Futures ต่อเนื่องอีก 1.6 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังแกว่ง Sideways ในกรอบ 1,550-1,570 จุด แม้ FED จะคงอัตราดอกเบี้ยตามคาดที่ 5-5.25% แต่ Dot Plot ใหม่สะท้อนโอกาสปรับขึ้นอีก 2 ครั้งปีนี้ โดยแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยจะอยู่ในปีหน้า ทำให้ภาพรวมปัจจัยบวกและลบ ค่อนข้างผสมผสาน เราประเมินปัจจัยในประเทศที่ตลาดยังรอดูพัฒนาการและคาดหวังเชิงบวก คือการจัดตั้งรัฐบาล โดยคาดกกต.รับรองผลครบ 95% ได้ในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเป็น Sentiment บวกอ่อนๆ เป็นลำดับ หากปัจจัยการเมืองทยอยคลายตัวที่ละขั้น โดยหากสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ในเดือน ก.ค.-ส.ค. โฟกัสใน 2H23 จะอยู่ที่นโยบายเศรษฐกิจทั้งมาตรการกระตุ้นระยะสั้นและการปรับโครงสร้างในระยะกลาง-ยาว เราประเมินหุ้น Domestic ที่มีความเสี่ยงจากนโยบายรัฐบาลใหม่จะยังฟื้นตัวได้จำกัด กลุ่มธนาคาร ประกัน มีโอกาสปรับขึ้นตาม Bond Yield และอัตราดอกเบี้ยที่ยังสูงขึ้น ส่วนกลุ่มพลังงานมีปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงอีกครั้งหลัง IEA ระบุ Demand น้ำมันจะชะลอตัวหลังปี 2026 และชัดเจนในปี 2028

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกและมีแนวโน้มกำไร 2Q23-2H23 แข็งแกร่ง//ส่วนที่สะสมบริเวณ 1,500+- จุด ถือลงทุนต่อเนื่อง

หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : BDMS, CPN, MAKRO, MINT, ORI

หุ้นเด่นวันนี้ : CPN

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 82 บาท
  • ทิศทางกำไร 2Q23-2H23 คาดว่ายังคงแข็งแรงต่อเนื่องตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ขณะที่ส่วนลดค่าเช่าคาดปรับตัวลงต่อเนื่องจนกลับสู่ระดับปกติ ขณะที่ค่าไฟปรับที่ปรับลงเป็นปัจจัยบวก
  • เราคาดยังคาดกำไรปี 2023 ที่ 1.3 หมื่นลบ. +18% y-y กลับไปสูงกว่าก่อนโควิด นอกจากนี้ เราคาดธุรกิจของ CPN แข็งแรง และกระทบจำกัดจากความกังวลทิศทางนโยบายของรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะประเด็นค่าแรงขั้นต่ำ
  • แนวรับ 67//65 บาท แนวต้าน 71.50//75 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนในภูมิภาคผสมผสาน โดยรวมไหลออกเล็กน้อย US$106 ล้าน เม็ดเงินไหลออกจากเกาหลีใต้ US$159 ล้าน แต่ไหลเข้าไต้หวัน US$105 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าเวียดนาม แต่ไหลออกจากทั้งอินโดนีเซีย ไทย และฟิลิปปินส์ แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดยังผสมผสาน โดยตลาดตอบรับเป็นกลางต่อผลการประชุม FED

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) FED คงดอกเบี้ยตามคาด แต่ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อ โดยวานนี้กรรมการมีมติคงดอกเบี้ยที่ 5-5.25% ตามคาด แต่ Dot Plot สะท้อนว่าอาจเห็นการขึ้นดอกเบี้ยอีกถึง 2 ครั้งปีนี้ สู่ระดับ 5.6% ก่อนปรับลงปีหน้าเหลือ 4.6% สะท้อนนโยบายการเงินและเงินเฟ้อที่ตึงตัวยาวกว่าคาด อย่างไรก็ตาม มีการปรับ GDP ปี 2023 ขึ้นและปรับปี 2024-25 ลง สะท้อนภาพ Soft Landing ที่เพิ่มขึ้น เรามองเป็นกลางและคาดสินทรัพย์เสี่ยงจะแกว่งทรงตัวโดยมีปัจจัยบวกและลบผสมผสาน แต่คาด Upside ระยะสั้นจำกัดมากขึ้นจาก Bond Yield ที่ปรับขึ้นและจะสูงยาว ยังมองรอจังหวะย่อตัวก่อนเข้าลงทุน

(0) สรุปงาน BoT Monetary Policy Forum ธปท.ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการบริโภคที่คาด +4.4% y-y และอาจมี Upside ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนจะเร่งขึ้นใน 2H23 โดยเฉพาะ 4Q23 ด้านเงินเฟ้อมองว่ายังมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม  ธปท.ยังกังวลความเสี่ยงด้านสูงจากการส่งผ่านต้นทุนที่อาจสูงขึ้น จากนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐในระยะถัดไป  ราคาอาหารสดที่อาจเพิ่มขึ้นจากเอลนีโญ รวมถึงผลของอุปสงค์ที่เร่งตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และยังคงมอง ว่าระดับอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันยังค่อนข้างผ่อนคลายกว่าระดับ “Neutral” อยู่เล็กน้อย ซึ่งสะท้อนว่าอาจยังคงเห็นการขยับขึ้นดอกเบี้ยต่อเพื่อสร้างเสถียรภาพของเศรษฐกิจระยะยาวจาก ระดับปัจจุบันที่ 2% ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดโดยรวมประเมิน ว่ามีโอกาสเห็น Terminal Rate ที่ 2% แล้ว เรายังคงมองบวกต่อกลุ่มธนาคารที่ยังคงได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาขึ้น ส่วนกลุ่มไฟแนนซ์ อาจเห็นแรงกดดันเล็กน้อย แต่ภาพระยะกลาง-ยาวยังมองบวก

(0) CBG คาดกำไร 2Q23 จะฟื้นตัวได้ดีกว่าที่เคยคาด อาจทำได้ 400-420 ลบ. ฟื้นจาก 264 ลบ. ใน 1Q23 แต่ยังต่ำกว่า 742 ลบ.ใน 2Q22 สิ่งที่ดีคือรายได้และ Margin ที่ฟื้นตัวตามปริมาณขายที่สูงขึ้น ต้นทุนอลูมิเนียมลดลง สิ่งที่ไม่ดีคือรายได้ต่างประเทศที่ยังต่ำกว่าปีก่อน สิ่งที่ยังไม่ชัดคือ Market Share วันนี้ยังทรงตัวอยู่ที่ 21.7-22% ยังใกล้เคียงเดิม หากกำาไร 2Q23 ทำได้ตามคาด จะมีกำไรสุทธิ 1H23 อยู่ที่ 655 ลบ. -53% y-y คาดหวังกำไรฟื้นตัวต่อ ใน 2H23 เบื้องต้นคาดกำไรปี 2023 อาจทำได้ราว 1.75 พันลบ. -23% y-y EPS 1.75 บาท/หุ้น หากอิง PE เท่า OSP ที่ 40x จะได้ราคาเป้าหมาย 70 บาท แนะนำ “เก็งกำไร”

(-) PYLON โทนการประชุมเป็นลบ จากตลาดงานฐานรากที่อ่อนลงจากความไม่แน่นอนของการเมืองและรัฐบาลใหม่ ขณะที่การแข่งขันยังค่อนข้างรุนแรง ส่งผลให้เราประเมินว่ากำไรของ PYLON อาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้วใน 1Q23 และจะชะลอตัวลงใน 2Q23 จาก Backlog ที่ลดลง โดยปัจจุบันมีอยู่ที่ 767 ลบ.ลดลงจาก 1.2 พันลบ.ใน 4Q22 เราคาดกำไรปกติปี 2023 ที่ 137 ลบ. +24% y-y จากฐานกำไรปี 2021-22 ที่ยังต่ำกว่าก่อนโควิด ประเมินราคาเป้าหมาย 3.80 บาท แนะนําเพียง “ถือ”

(0) คาดการณ์หุ้นเข้าออก SET50/SET100 สำหรับ SET50 หุ้นที่คาดเข้าคือ TLI WHA ออก JMT JMART ส่วน SET100 คาดหุ้นหุ้นคือ AEONTS AURA BTG ERW MBK SNNP TASCO TLI หุ้นออก BEC EPG JAS KEX ONEE QH RBF SINGER

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 232.79 จุด หรือ -0.68% ปิดที่ 33,979.33 จุด หลังจากธนาคารกลางสหรัฐคงดอกเบี้ยตามคาด แต่ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งภายในสิ้นปีนี้

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเหมืองแร่ ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดก่อนจะรู้ผลการประชุม FED ส่วนการประชุม ECB จะมีขึ้นในวันนี้ โดยตลาดคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25%

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก ขณะที่นักลงทุนย่อยข้อมูลหลังผลการประชุม FED ออกมาคงดอกเบี้ย แต่ส่งสัญญาณขึ้นอีก 2 ครั้งในปีนี้

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 34.74 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 1.15 ดอลลาร์ หรือ 1.66% ปิดที่ 68.27 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง FED ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มอีก 2 ครั้งในปีนี้ ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 68.53 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.38%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 10.30 ดอลลาร์ หรือ 0.53% ปิดที่ระดับ 1,968.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ขณะที่ตลาดทองคำปิดก่อนที่จะรู้ผลการประชุม FED ในขณะที่เช้านี้ปรับย่อตัวที่ระดับ 1,951.10 ดอลลาร์/ออนซ์ -0.90%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 929.70 / -1.73

- Advertisement -