บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Airports of Thailand (AOT.BK/AOT TB)*
ท้องฟ้าดูปลอดโปร่งขึ้นในอนาคต
Event
เราได้ไป site visit AOTTO ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ AOT
Impact
ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจที่ได้จาก site visit
เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มธุรกิจของ AOT หลังจากที่สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 คลี่คลายลง และนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาเที่ยวประเทศไทยในปี 2566 ซึ่งจากการไป site visit ที่ AOTTO เมื่อวานนี้ ประเด็นสำคัญมีดังนี้
i) คาดว่าจะดีขึ้นต่อเนื่องในส่วนที่เหลือของปี 2566 แม้จะอยู่ในช่วงต้นของการกลับมาเปิดประเทศ แต่ จำนวนผู้โดยสารที่อยู่ภายใต้การจัดการของ AOT ก็ขยับขึ้นมาเป็น 263,000 คนต่อวันในเดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งเท่ากับ 67% ของระดับก่อน COVID ระบาดในปี 2562 ทั้งนี้ จำนวนผู้โดยสารของสนามบิน หาดใหญ่ และสุวรรณภูมิฟื้นตัวดีขึ้นอย่างแข็งแกร่งมากที่สุดที่ 81% และ 70% ตามลำดับ โดยในระยะต่อไป คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 80%-90% ใน 2H66 จากการใช้ตารางบินฤดูหนาวของปีนี้ นอกจากนี้ AOT จะเพิ่มความสามารถในการรองรับผู้โดยสารเป็น 200 ล้านคนในปี 2574 (จาก Satellite 1, Runway 3 และ ส่วนต่อขยายสนามบินทางฝั่งตะวันออก) จากปัจจุบันที่ 183 ล้านคน
ii) คาดว่าธุรกิจ cargo จะโตถึง 150% โดยบริษัทมองว่าธุรกิจ cargo มีศักยภาพที่จะเติบโตได้ในระยะยาว เพราะมีเขตปลอดอากร (freezone terminal) ที่สามารถให้การรับรองสินค้าเน่าเสียง่าย (perishable products) ผ่านช่องทาง perishable premium ที่ AOTTO ซึ่งจะช่วยสนับสนุนอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากลูกค้าทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ ซึ่งจะเริ่มเปิดดำเนินการในเดือนกรกฎาคม 2566
คาดว่าจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งมากขึ้นใน 2H66
เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมการขนส่งทางอากาศของไทย ซึ่งจะส่งผลดีต่อ AOT ก่อนในฐานะที่เป็นธุรกิจหลักของบริษัท โดยสรุปแล้ว เราคิดว่าการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนกำไรของบริษัทในอีกสองสามปีข้างหน้า และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ไม่ได้มีการต่ออายุมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ของบริษัททั้งในส่วนที่เกี่ยวกับการบิน และไม่เกี่ยวกับการบินออกไปอีกตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566
คงประมาณการกำไรปี FY66-67F เอาไว้เท่าเดิม
เนื่องจากผู้โดยสารเที่ยวบินระหว่างประเทศพื้นตัวอย่างแข็งแกร่งมากขึ้นใน 2H66 และไม่มีการใช้มาตรการช่วยเหลือแล้ว เราจึงคิดดูว่าผลประกอบการน่าจะเป็นไปตามที่คาดไว้ ดังนั้น เราจึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี FY66F ไว้เท่าเดิมที่ 1.39 หมื่นล้านบาท และปี FY67F ไว้ที่ 2.70 หมื่นล้านบาท
Valuation & action
เรายังคงคำแนะนำซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี FY66F ที่ 86.00 บาท (ใช้ WACC ที่ 9% และ TG ที่ 3%)
Risks
COVID-19 กลับมาระบาดอีกระลอก, เศรษฐกิจถดถอย และความไม่สงบทางการเมืองของไทย