บล.ฟิลลิป:

บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ – BTS การผ่อนคลายมาตรการหนุนการฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง

1Q65 กำไรออกมาโตมาก เพราะมีกำไรพิเศษและรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนลดลง

กำไร 1Q65 (ปิด มิ.ย. ) กำไรที่ 1,383 ล้านบาท +212% y-y จากกำไรพิเศษและรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนลดลง รายได้ใน 1Q65 อยู่ที่ 7,842 ล้านบาท -20% y-y แบ่งได้ตามกลุ่มดังนี้

  1. MOVE: รายได้ -22% y-y หลักๆ มาจากการลดลงของรายได้จากการให้บริการรับเหมาติดตั้งก่อสร้าง/จัดหารถไฟฟ้า -31% จากการรับรู้งานสายสีเขียวลดลงเพราะอยู่ช่วงท้ายสัญญา ในขณะที่การรับรู้รายได้จากโครงการสายสีเหลือง-ชมพู +3% และรายได้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว (O&M) +35% จากการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อขยายเต็มเส้นทาง 19 กม. ตั้งแต่ ธ.ค. 63 และการเพิ่มขึ้นตามสัญญา
  2. MIX: รายได้ +34% จากการฟื้นตัวของธุรกิจสื่อโฆษณาและดิจิทัลของ VGI
  3. MATCH: รายได้ -44% จากงานก่อสร้างของบริษัทย่อยลดลง

ต้นทุน -25% หลักๆ จากต้นทุนรับเหมาติดตั้ง/ก่อสร้าง จัดหารถไฟฟ้าที่ลดลงตามรายได้ SG&A +11% มีกำไรพิเศษสุทธิ 580 ล้านบาท (กำไรขายที่ดิน 481 ล้านบาท กำไรจากตราสารการเงิน 198 ล้านบาท และขาดทุนจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อย/บริษัทร่วม 100 ล้านบาท) เทียบปีก่อนที่มีเพียง 1 ล้านบาท และรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนเหลือ 19 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 479 ล้านบาท จากการดำเนินงานของ U ที่มีกำไรขายบริษัทย่อยและกำไรอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงรับรู้ขาดทุนจากกิจการร่วมค้าลดลง และ MACO ที่มีการกลับค่าใช้จ่ายค่าสัมปทานอีกทั้งดอกเบี้ยรับ +30% จากลูกหนี้ภาครัฐ เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว สีเหลือง และสีชมพู

2Q65 มีแนวโน้มจะอ่อนตัว y-y, q-q และคาดเห็นการฟื้นตัวใน 2H65

2Q65 ผลกระทบของ COVID-19 ทั้งงานก่อสร้างสายสีเหลือง-ชมพูที่มีการปิดแคมป์คนงาน หยุดรับรู้รายได้, ธุรกิจของ VGI และ BTSGIF อ่อนตัวลง, รายการพิเศษที่คาดจะลดลงทั้งจาก BTS และ บริษัทร่วม MACO และ U คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติ 2Q65 จะอ่อนตัวลง y-y และ q-q แต่คาดจะเห็นการฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง 2565 (ต.ค. 64-มี.ค. 65) จากศบค. ผ่อนคลายมาตรการเริ่ม 1 ก.ย. ทั้งการเปิดศูนย์การค้า ร้านอาหาร และภาคธุรกิจอื่นๆ ทำให้การกลับมาใช้ชีวิตของประชาชนทำได้มากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจโดยรวมของกลุ่ม ทั้งสื่อโฆษณา การใช้งบที่จะฟื้นตัวการเดินทางที่จะมีมากขึ้น และการกลับมาเร่งก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าต่างๆ ให้เป็นไปตามแผน

หลายโครงการมีความคืบหน้า ทั้งสนามบินอู่ตะเภา มอเตอร์เวย์ และรถไฟฟ้า

กลุ่ม MOVE: ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก มีหลายโครงการที่มีความคืบหน้าและไม่มีความคืบหน้า ที่มีความคืบหน้า 1) รถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพู ความคืบหน้าของการก่อสร้างไปแล้ว 81% และ 78% คาดจะเปิดให้บริการได้บางส่วนต้นปี 2565 ในสีเหลืองและสีชมพูกลางปี 2565 โดยจะเปิดทั้งเส้นทางภายในปี 2565 ผู้บริหารคาดว่าในปีแรกจะมีผู้ใช้ที่ 2 แสนคน/สาย/วัน 2) โครงการสนามบินอู่ตะเภาได้ส่ง master plan ไปแล้ว รอการแก้ไขและอนุมัติ 3) โครงการมอเตอร์เวย์ 2 เส้นบางปะอินนครราชสีมา (M6) ระยะทาง 196 กม. และบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) ระยะทาง 96 กม. คาดจะได้เซ็นสัญญาในเดือน ก.ย. นี้ 3) คดีฟ้องร้องเกี่ยวกับสายสีส้มได้รับการพิจารณาแล้ว 1 คดี จากศาลปกครองสูงสุด ให้จำหน่ายคดีในข้อหาที่ BTS ฟ้องขอให้เพิกถอนหลักเกณฑ์การร่วมลงทุนของ รฟม. ที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่จากเดิมข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทน 100% เป็นหลักเกณฑ์ใหม่ ข้อเสนอทางเทคนิค 30% และด้านการลงทุนและผลตอบแทน 70% แต่ยังเหลืออีก 2 คดีที่ต่อเนื่องกัน คือ 1) ฟ้องร้องขอค่าชดเชย ค่าเสียหายจากการยกเลิกประมูล และ 2) การยกเลิกการประมูลไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยังมีฟ้องที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในกรณี BTS ยื่นฟ้องผู้ว่ารฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 กรณียกเลิกการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มในฐานกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา 4) รถไฟฟ้าสายสีเขียว BTS ได้ยื่นฟ้องกรุงเทพธนาคม (บริษัทย่อยของกรุงเทพฯ) ต่อศาลเมื่อ 15 ก.ค. กรณีค้างชำระค่าบริหารเดินรถไฟฟ้า (O&M) สายสีเขียวมูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท และอยู่ระหว่างสรุปตัวเลขการค้างชำระค่าติดตั้ง และจัดหารถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (E&M) ส่วนการต่อสัมปทานสายสีเขียวยังไม่มีความคืบหน้า

กลุ่ม MIX: VGI ได้เข้าถือหุ้น 51% ใน“ แฟนสลิ้งค์ คอมมูนิเคชั่น” ประกอบธุรกิจตัวแทนจัดจำหน่ายสินค้าจากจีน และเป็นผู้ผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของตนเอง (OEM) “Pando Selection และจะเข้าถือหุ้นใน JMART 15% ด้วยมูลค่าเงินลงทุน 6,257 ล้านบาท

ปรับประมาณการกำไรขึ้น ราคาพื้นฐาน 11.90 บาท ยังคงแนะนำ “ซื้อ”

ทางฝ่ายได้มีการปรับในส่วนของรายการพิเศษใน 1Q65 เข้าไปในประมาณการทั้งปี 2565 ทำให้กำไรปรับตัวขึ้นเป็น 3,340 ล้านบาท จากเดิมที่ 2,876 ล้านบาท บนคาดการณ์รายได้ที่ 25,240 ล้านบาทเท่าเดิม แต่เนื่องจากมีการปรับราคาพื้นฐานของ VGI ลงส่งผลให้ราคาพื้นฐานบนวิธี SOTP ปรับลงเป็น 11.90 บาท ยังมี upside อยู่ จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

- Advertisement -