ASL ANALYSIS GUIDE

ประเมิน SET แกว่งตัว Sideway เน้นยืนกรอบแนวรับ 1,550 ไม่ควรต่ำกว่าเพื่อลดความเสี่ยงเกิดสัญญาณกลับตัว แนวต้านทดสอบ 1,570-1,576

ประเด็นการลงทุน
1. กกต. รับรองผลการเลือกตั้ง
2. ติดตามมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน
3. SCB เตรียมยื่นจัดตั้ง Virtual bank จาก ธปท.
  • วันนี้เคาะ KBANK แนวโน้ม 2Q66 เบื้องต้นประเมินกำไรสุทธิราว 1.1 หมื่นล้านบาท ดีขึ้นเล็กน้อย QoQ และ YoY จากไม่มีรายการค่าใช้จ่ายพิเศษใน Staff cost แต่การตั้งสำรองที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

MARKET STRATEGY

สรุปตลาดวานนี้ SET ปิดที่ 1,556.92 จุด ลดลง 2.47 จุด (-0.16%) มูลค่าซื้อขาย 32,866.08 ล้านบาท ซึมตัวแกว่งแคบ มูลค่าการซื้อขายเบาบาง แต่มี DELTA เทรดคึกคัก ชดเชยความกังวลของเคสหุ้น STARK ปกคลุมอยู่

Research Highlight: กกต.รับรองผลการเลือกตั้ง หนุน Timeline การจัดตั้งรัฐบาลเร็วขึ้น/จีนลดอัตราดอกเบี้ย

กกต. รับรองผลการเลือกตั้ง

  • สำนักงาน กกต. รับรองผลการเลือกตั้ง สส. ทั้ง 500 คนแล้ว เริ่มให้รายงานตัว 20-24 มิ.ย. ขั้นตอนถัดไปจะเปิดประชุมสภาฯในวันที่ 24 ก.ค. นี้เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการคัดเลือกและแต่งตั้งประธานสภาผู้แทนราษฎร และในวันที่ 3 ส.ค. เรียกประชุมสภาฯ เพื่อโหวตและแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี
  • อย่างไรก็ดีประเด็นเรื่องคุณสมบัติของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดต นายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลในกรณีหุ้น ITV ยังอยู่ในการพิจารณาสำนวน และประเด็นเรื่องสว. เสียงแตกออก และยังคงไม่มีความชัดเจนในการโหวตนายกรัฐมนตรีของนายพิธา
  • โดยเราคาดการณ์ไว้ 2 กรณี
    • นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้รับการโหวตเป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งแรก มองเป็นบวกต่อตลาดหุ้น เนื่องจากทำให้เกิดความชัดเจนทางการเมือง และสามารถอนุมัติงบการเงินครึ่งปีหลัง 2566 ได้เร็ว ทำให้มีโอกาสที่จะสามารถดำเนินนโยบายได้อย่างไม่ติดขัด โดยต้องติดตามการดำเนินนโยบายของพรรคก้าวไกล นโยบายเด่นได้แก่ นโยบายปรับค่าแรงขั้นต่ำ นโยบายทลายทุนผูกขาด นโยบายลดค่าไฟทันที อย่างไรก็ดี มองว่านโยบายข้างต้น ตลาดได้สะท้อนไปแล้วบางส่วน
    • นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ได้รับการโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี มองเป็นลบต่อตลาดหุ้น มีโอกาสทำให้ประเด็นด้านการเมืองยืดเยื้อออกไป ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลและดำเนินนโยบายได้ช้า อย่างไรก็ดี พรรคก้าวไกลที่เป็นพรรคอันดับ 1 มีโอกาสที่จะตำแหน่งประธานสภาฯ ทำให้สามารถยื่นเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีได้อีกหลายครั้ง
  • ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำ หุ้นกลุ่ม Domestic, เช่าซื้อ, ธนาคารสินเชื่อรายย่อย Top pick MTC, NCAP, BJC, KBANK

ติดตามมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน

  • ตลาดคาดการณ์ว่าวันนี้ธนาคารกลางจีนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ลง 0.10% สู่ระดับ 3.55% ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบ 10 เดือนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • ขณะที่ตลาดเริ่มปรับประมาณการ GDP ของจีนลงจากช่วงต้นปี เหลือเข้าใกล้เป้า 5% จากทางการจีน ตามภาวะเศรษฐกิจมหภาคหลายประเด็นที่เผชิญอยู่ เช่น ภาคอสังหา การส่งออก รวมถึงความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ในช่วงก่อนหน้านี้ แต่ล่าสุดปธน.สี จิ้นผิง เข้าพบ นาย แอนโทนี บลิงเกน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ทำให้มองเป็นบวกเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ

  • เก็งกำไรหุ้นที่ได้รับปัจจัยบวกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนคือ กลุ่มปิโตรเคมี PTTGC, IVL กลุ่มส่งออกจีน NER, KCE, HANA

SCB เตรียมยื่นจัดตั้ง Virtual bank จาก ธปท.

  • SCB ร่วมมือกับ Kakao bank ที่เป็นผู้นำด้าน Digital banking จากเกาหลีใต้ เพื่อเตรียมยื่นขอใบอนุญาตฯ จัดตั้ง Virtual bank จาก ธปท. ซึ่งเป็นแห่งที่ 3 ตาม KTB และ KBANK ซึ่งธปท. จะ hearing ในช่วง 19 มิ.ย. – 4 ก.ค. ก่อนที่จะนำความเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้รับเสนอต่อ กระทรวงการคลังพิจารณาภายในเดือนก.ค.
  • Kakao bank มีจุดเด่นด้านการพัฒนา Mobile app ที่มีผู้ใช้งานสูงอย่างต่อเนื่องผ่าน T-money ซึ่งล่าสุดในงวด 1Q66 มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นกว่า 35.1%QoQ จำนวนผู้ใช้มากกว่า 6 แสนราย ซึ่งคาดว่าจะ synergy ร่วมกันกับ SCB ขณะที่รายได้ platform, Fee income และ Other มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

  • มองเป็นบวกในเชิง Sentiment ตามกระแสดิจิทัลที่เป็น mega trend แต่ในเชิงปฏิบัติยังต้องรอเวลาอีกราว 2-3 ปี กว่า Virtual bank จะสามารถเปิดดำเนินการได้เต็มรูปแบบในไทย ทำให้การร่วมมือในครั้งนี้ยังไม่กระทบต่อปัจจัยพื้นฐาน ยังคงแนะนำ ซื้อ SCB ที่ราคาเป้าหมาย 129.50 บาท เลือกเป็น Top pick ของกลุ่ม

สัปดาห์นี้ติดตาม

  • 20 มิ.ย. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ของธ.กลางจีน (คาดว่าจะปรับลดลง 0.1%)
  • 22 มิ.ย. ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานสหรัฐฯ รายสัปดาห์ และยอดขายบ้านมือสอง พ.ค. ของสหรัฐ
  • 23 มิ.ย. เงินเฟ้อ พ.ค. ญี่ปุ่น, PMI ภาคการผลิต มิ.ย. สหรัฐฯ และญี่ปุ่น

Investment Strategy

  • ประเมิน SET แกว่งตัว sideway เน้นยืนกรอบแนวรับ 1550 ไม่ควรต่ำกว่า เพื่อลดความเสี่ยงเกิดสัญญาณกลับตัว แนวต้านทดสอบ 1570-1576
  • ทั้งนี้จะมีการให้ความเห็นของประธานเฟดรายสาขาหลายท่าน โดยล่าสุดใน Fed watch tool ตลาดให้น้ำหนักกว่า 74.4% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ไปสู่ระดับ 5.25-5.50 ก่อนที่จะคงไว้ในระดับดังกล่าวไปตลอดทั้งปี สวนทางกับ Dot plot ของเฟด ที่คาดว่าจะปรับขึ้นอีก 2 ครั้ง สู่ระดับ 5.50-5.75%

Source: Fed Watch Tool

Global Markets

(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการวันจันทร์ที่ 19 มิ.ย. เนื่องในวันจูนทีนธ์ (Juneteenth)

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบในวันจันทร์ (19 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการเข้าซื้อหุ้น เพื่อรอจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และรอดูการแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อรัฐสภาสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มการกำหนดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่การซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบาง เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการในวันหยุดประจำชาติ

(0) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดทำการวันจันทร์ที่ 19 มิ.ย.เนื่องในวันจูนทีนธ์ (Juneteenth)

(0) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดทำการวันจันทร์ ที่ 19 มิ.ย.เนื่องในวันจูนทีนธ์ (Juneteenth)

หุ้นเคาะไป คุยไป…KBANK

  • แนวโน้ม 2Q66 เบื้องต้นประเมินกำไรสุทธิราว 1.1 หมื่นล้านบาท ดีขึ้นเล็กน้อย QoQ และ YoY จากไม่มีรายการค่าใช้จ่ายพิเศษใน staff cost แต่การตั้งสำรองที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่สินเชื่อคาดว่าจะกลับมาขยายตัวดี YTD และประเมินว่า NIM จะยังทรงตัวในระดับสูง ขณะที่ประเมินกำไรสุทธิปี 66-67F เท่ากับ 4.05 หมื่นล้านบาท (+13%YoY) และ 4.62 หมื่นล้านบาท (+14%YoY) ตามลำดับ
  • KBANK ยังเดินหน้า clean up balance sheet คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ ขณะที่ผู้บริหาร concern เรื่องเป้า credit cost ที่อาจจะสูงกว่าขอบบนของเป้าหมายที่ 175-200 bps แต่ให้ความเชื่อมั่นว่าจะไม่เกิน 210 bps (เทียบกับปี 2565 ที่ระดับ 211 bps) ส่งผลให้ในระยะถัดไปจะกลับมาตั้ง credit cost ลดลงเหลือระดับ 150 bps+/- และมีแผนขายหนี้เสียให้กับ JKAMC อย่างต่อเนื่อง และจะเพิ่ม management overlay กลับไปที่ระดับ เดิมที่ 20%
  • เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” KBANK มีราคาเป้าหมายปี 66 ลงเป็น 165.50 บาท (อิง PBV66 ที่ 0.74 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี -1.0 SD) จากแนวโน้ม credit cost ที่เพิ่มขึ้นเป็น 205 bps ส่วน highlight เด่นได้แก่ 1. Valuation ที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับการฟื้นตัวของผลประกอบการเข้าใกล้ระดับ Pre-COVID ในขณะที่ PBV เฉลี่ย 3 ปีก่อนเกิดโควิด-19 อยู่ที่ 1.3 เท่า 2. ผลจากการปรับคุณภาพสินทรัพย์ตั้งแต่ช่วง 2H65 คาดว่าจะเริ่มเห็นผลดีใน 2H66 3. แนวโน้มรายได้ปรับตัวขึ้นทั้ง NII (ดอกเบี้ยขาขึ้น) และ Non-NII (ขาดทุนธุรกิจประกันลดลง) ขณะที่รายได้จาก JV AMC จะเริ่มมีนัยยะ และ 3. เป็นผู้นำของกลุ่มที่พัฒนา digital banking สอดรับ mega trend ในอนาคต ขณะที่ราคาปรับตัวลง 11.5%YTD สะท้อนปัจจัยลบไปพอสมควรแล้ว มองเป็นจังหวะเข้าซื้อสะสมในระยะกลาง-ยาว
- Advertisement -