Daily Focus: Selective Play

2023SET Target: 1620

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงแรง ปิดลบ 19.33 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นขึ้นเป็น 4.6 หมื่นลบ. โดยมีแรงขายอย่างหนักที่ DELTA หลังตลท.ประกาศให้ติด Cash Balance และนักลงทุนมองมีความเสี่ยงหลุด SET50 ในช่วงปลายปี สถาบันในประเทศพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่น 2.7 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1.4 พัน ลบ. (แต่ Short Index Futures สูงถึงกว่า 6 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways to Sideways Down โดยวานนี้ดัชนีกลับมาหลุดต่ำกว่า 1,540 จุด ทำให้ภาพทางเทคนิคกลับมาเป็นลบมากขึ้น ขณะที่ภาพรวมตลาดยังไร้ปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น  ปัจจัยต่างประเทศสัปดาห์นี้ตลาดรอติดตามการประชุม BoE และการแถลงของประธาน FED รอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสช่วงกลางสัปดาห์ว่าจะเน้นย้ำถึงนโยบายการเงินที่ตึงตัวต่อเนื่องเพื่อดึงเงินเฟ้อลง และแนวโน้มเศรษฐกิจจะชะลอตัวมากน้อยเพียงใด ส่วนการเมืองในประเทศลำดับถัดไป คือการเปิดประชุมสภาฯภายใน 15 วัน หลังกกต.รับรองผลเพื่อเลือกประธานสภาฯ ส่วนโฟกัสหลักอยู่ที่การโหวตเลือกนายกฯ และการจัดตั้งรัฐบาลว่าจะสำเร็จภายในเดือน ก.ค. ตามที่ตลาดคาดหวังหรือไม่ หากตั้งรัฐบาลสำเร็จ เรามองตลาดจะมีความเชื่อมั่นมากขึ้นในระยะสั้น และจะจับตานโยบายเศรษฐกิจทั้งมาตรการกระตุ้นระยะสั้น และการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะกลาง-ยาว ระยะสั้นสินทรัพย์เสี่ยงคาดว่ายังปรับขึ้นจำกัดจากดอกเบี้ยและ Bond Yield ทั่วโลกที่ยังอยู่ในระดับสูงและลากยาวกว่าที่เคยประเมิน  ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะฝั่งสหรัฐฯใน 2H23 จะเริ่มเห็นการชะลอที่ชัดขึ้น กลุ่ม Global Play เราจึงมองเพียงเก็งกำไรและเลือกเฉพาะหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และยังชอบกลุ่ม Domestic Play ที่ได้อานิสงส์จากการบริโภคที่ฟื้น และมีความเสี่ยงจากนโยบายรัฐบาลใหม่จำกัด

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกและมีแนวโน้มกำไร 2Q23-2H23 แข็งแกร่ง//ส่วนที่สะสมบริเวณ 1,500+- จุดถือลงทุนต่อเนื่อง

หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : BDMS, CPN, MAKRO, MINT, ORI

หุ้นเด่นวันนี้ : BBL

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก IAA Consensus 186.43 บาท
  • ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานในยังเห็นทิศทางการเติบโตแข็งแกร่ง y-y จาก NIM ที่ ปรับตัวขึ้นจากอานิสงส์ของดอกเบี้ยขาขึ้น และพอร์ตส่วนใหญ่เป็นดอกเบี้ยลอยตัว ขณะที่คุณภาพหนี้คาดยังแข็งแรงจากฐานลูกค้าส่วนมากที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่
  • Consensus คาดกำไรปี 2023 ที่ 3.4 หมื่นลบ. +16% y-y ราคาหุ้นยังเทรด Valuation ถูกที่ PBV เพียง 0.58 เท่า เทียบกับก่อนโควิดที่ใกล้ 1 เท่า
  • แนวรับ 160//158-156 บาท แนวต้าน 164.50-166.50 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนผสมสานโดยสุทธิไหลออกจากภูมิภาคบางลงเหลือ US$154 ล้าน เม็ดเงินไหลออกจากเกาหลีใต้ US$227 ล้าน แต่ไหลเข้าไต้หวัน US$82 ล้าน ส่วนอาเซียนไหลออกทุกประเทศ แต่ไหลเข้าไทย US$41 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังผสมผสานหลังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุนเพิ่มเติม

ประเด็นสําคัญวันนี้

(0) CPF มีข่าวว่าบริษัทร่วมทุนซื้อ Hylife ถูกร้องเรียนเรื่องค่าจ้างแรงงาน หลังปิดโรงงานในสหรัฐ เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. โดยเป็นการขายให้กับ Premium Iowa Pork พร้อมกับเลิกจ้างพนักงานราว 1,000 คน รวมถึงยังมีประเด็นเกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงานต่างชาติจากการเนรเทศอีก 500 คน (การเลิกจ้างของ Hylife อาจทำให้แรงงานต่างชาติบางคนวีซ่าขาดและอาจถูกส่งตัวกลับประเทศก่อนกำหนด) ทางภาครัฐจึงเข้ามาคุ้มครองแรงงานเป็นการชั่วคราวระหว่างการสอบสวน เราได้สอบถามไปยัง CPF พบว่า เป็นการปิดกิจการบางส่วนของธุรกิจฟาร์มหมูในสหรัฐเพราะ ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ประสบขาดทุนโดยล่าสุดปี 2022 CPF รับรู้ขาดทุนจาก Hylife ราว 2 พันลบ. คิดเป็น 16% ของกำไรสุทธิทั้งปี โดยในส่วนของบริษัทได้ยืนยันว่าทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และได้มีทีมทนายติดตามและประสานงานเรื่องนี้ต่อไป เบื้องต้นยังไม่มี รายการ One time จากประเด็นนี้แต่อย่างใด แต่เราคาดว่าผลประกอบการของ Hylife ยังขาดทุนต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ และคาดหวังขาดทุนลดลงในปี 2024-25 ประเด็นนี้ถือ เป็น Sentiment เชิงลบต่อราคาหุ้น แต่ยังไม่เกิดความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญต่อประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย ยังคงราคาเป้าหมายที่ 22.30 บาท แนะนำถือ

(+) IPO ใหม่ BLC เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ มีประสบการณ์กว่า 30 ปี จำหน่ายผ่านร้านขายยาและโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน คิดเป็นสัดส่วนรายได้กว่า 85% จุดเด่นคือการขยายธุรกิจไปสู่ยาสามัญใหม่และการเตรียม R&D ไว้ล่วงหน้าแล้ว เราคาดกำไรเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 3 ปี +26% CAGR หนุนจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และพฤติกรรมคนที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งมี Margin สูง เรา ประเมินราคาเป้าหมายที่ 12 บาท (Finansia เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายฯ)

(0) หุ้นเข้า-ออก SET50/SET100 งวด 2H23 สำหรับ SET50 หุ้นที่เข้าคือ TLI WHA หุ้น ออก JMT JMART ส่วน SET100 คาดหุ้นหุ้นคือ AURA BTG ERW MBK SNNP STEC TASCO TLI หุ้นออก BEC EPG JAS KEX ONEE QH RBF SINGER

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 245.25 จุด หรือ -0.72% ปิดที่ 34,053.87 จุด โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปสงค์ชะลอตัวจากการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีน

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากหุ้นที่เกี่ยวข้องกับตลาดจีนปรับตัวลง หลังจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าคาด ซึ่งนักลงทุนมองว่าอาจไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจจีนได้

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 34.86 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 1.28 ดอลลาร์ หรือ 1.78% ปิดที่ 71.19 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันในประเทศจีน ในขณะที่เช้านี้ปรับลงต่อที่ระดับ 71.05 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.20%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 23.50 ดอลลาร์ หรือ 1.19% ปิดที่ 1,947.70 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของดอลลาร์ ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 1,948.40 ดอลลาร์/ออนซ์ 0.04%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 934.03 / –

- Advertisement -