วันนี้คาดตลาด “Sideway Down”

แนวรับ 1,507 / 1,490 แนวต้าน 1,520 / 1,527 ขาดปัจจัยใหม่สนับสนุนการฟื้นตัวขึ้น อีกทั้งยังถูกกดดันจากธนาคารกลางที่สำคัญของโลกยังขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง รวมทั้งยังติดตามการเมืองในประเทศต่อ

Our View? “ยังอ่อนแอเหลือเกิน”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,507 / 1,490 และแนวต้านที่บริเวณ 1,520 / 1,527 เรามองตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้าสนับสนุนการปรับตัวขึ้น อีกทั้งเรายังมองบรรยากาศการลงทุนยังถูกกดดันจากแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางที่สำคัญของโลก โดยเมื่อวานนี้ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.50% สู่ระดับ 5.00% มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะขึ้นเพียง 0.25% และสูงสุดในรอบ 15 ปี จากการที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่การแถลงมุมมองเศรษฐกิจ และนโยบายการเงินต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อคืนนี้ของคุณเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) สอดคล้องกับวันก่อนหน้า โดยยังส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป แต่ชี้แจงว่าจะดำเนินการอย่างระมัดระวัง รวมทั้งตัวเลขยอดขายบ้านมือสอง (Exist Home Sales) เดือน พ.ค. เมื่อคืนนี้ออกมา 4.3 ล้านหลังคา มากกว่าที่ตลาดคาด และพยายามฟื้นตัวกลับขึ้นอีกครั้ง กระตุ้นการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ได้ต่อ คาดยังเป็นปัจจัยกดดัน- จํากัด Upside ของตลาดได้อยู่

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ส่งมอบเดือน ส.ค. ปรับตัวลงแรงปิดที่ระดับ 69.51 ดอลลาร์/บาร์เรล -3.02 ดอลลาร์ (−4.16%) คาดได้รับแรงกดดันจากความกังวลอุปสงค์นํ้ามันมีความเสี่ยงชะลอตัวลงหรือได้รับผลกระทบจากการใช้นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางที่สําคัญของโลก คาดจะกดดันทิศทางหุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวลงถ่วงตลาดได้บ้าง อย่างไรก็ดี เรายังคงมองแนวโน้มการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน คาดจะช่วยเพิ่มอุปสงค์น้ำมันดิบได้ในระยะถัดไป และเป็นจิตวิทยาเชิงบวกและเป็นปัจจัยจำกัด Downside ของหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ ปิโตรเคมี (PTTGC และ IVL), ค่าการกลั่น (TOP และ SPRC) ในระยะถัดไป สําหรับปัจจัยภายในประเทศ เรายังแนะนำติดตามการประชุมพรรคร่วมรัฐบาลในสัปดาห์หน้า คาดจะเห็นความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลมากขึ้น จากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรอง ส.ส. ทั้งหมดแล้ว คาดจะมีการเปิดประชุมสภาฯ ไม่เกินวันที่ 4 ก.ค. และจะเข้าสู่ขั้นตอนการเลือกประธานสภาฯ และนายกรัฐมนตรีต่อไป อย่างไรก็ตาม เรามองการเมืองไทยยังคงมีความไม่แน่นอนจากกกต. หรือพรรคฝ่ายค้านอาจยื่นเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา กรณีการถือหุ้นสื่อของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คาดยังเป็นปัจจัย Overhang จํากัด Upside ของตลาดได้บ้าง

ทั้งนี้เรายังแนะนำให้ทยอยซื้อสะสมเมื่ออ่อนตัวสําหรับหุ้นในกลุ่ม Domestic ในประเทศ 1.) หุ้นในกลุ่มธนาคารฯ (KBANK, SCB, และ BBL) ปรับตัวขึ้นได้จากแนวโน้มผลประกอบการ 2Q’66 ที่มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นต่อตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น รวมทั้งเราเริ่มเห็นอัตราการเติบโตของสินเชื่อในบางธนาคารฟื้นตัวขึ้นบ้างแล้ว 2.) หุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT, BJC, DOHOME และ GLOBAL) ที่เราคาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และอยู่ในภาพการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวในประเทศจากการบริโภคและการท่องเที่ยว รวมทั้งยังได้รับประโยชน์จากแนวโน้มค่าไฟที่ปรับลดลง รวมทั้ง 3.) หุ้นในกลุ่มส่งออกสินค้าเกษตร (TU, GFPT, TFG และ CPF) จากทิศทางราคาอาหารยังมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นได้ต่อ รวมทั้งตัวเลขการส่งออกสินค้าเกษตรยังคงขยายตัว คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกหนุนทิศทางหุ้นดังกล่าวฟื้นตัวขึ้นได้

ธีมการลงทุน “SelectivePlay”

หุ้นแนะนำวันน้ี “KBANK”

  • ราคาหุ้นยัง Laggard หุ้นในกลุ่ม Bank ขณะที่คาดรายได้จะได้รับแรงหนุนจากการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา
  • ทางเทคนิคในราคาแกว่งในกรอบ Sideway Up ลงทดสอบรับที่จุดต่ำสุดก่อนหน้า แนะนำทยอยซื้อสะสมตามแนวรับ
  • กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 128.50 / 126.50 Target 133.50 / 139.50 Stop <125.00

- Advertisement -