คาดเปิดลงแล้วแกว่งแคบ / 1,495-1,510
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- คาดดัชนี SET เปิดลบแต่แกว่งแคบ: แรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศ หลังประธานเฟดแถลงต่อสภาคองเกรสถึง ความพยายามเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดเงินเฟ้อให้เข้าสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% อย่างระมัดระวัง และ CME Fed Watchtool ยังเทน้ำหนักว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยรอบประชุม 26 ก.ค.อีก 25 bps โดยจะใช้อัตราดอกเบี้ยดังกล่าว เป็น Terminal Rate ตลอดปีนี้ เช่นเดียวกับธนาคารกลางรายใหญ่หลายแห่งที่เดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่เปิดเผยว่าเศรษฐกิจอาจยังไม่ฟื้นตัว ทั้ง PMI ภาคการผลิต ทั้งฝั่งสหรัฐและยูโรโซนเดือน มิ.ย. กว่าคาดและต่ำกว่าครั้งก่อนทั้งคู่สู่ระดับ 46.3 จุด และ 43.6 จุด ตามลำดับ ขณะที่การเมืองในประเทศ ไม่ว่าจะขยับทางไหนล้วนแต่กดดันดัชนี SET เพียงแต่กระทบในลักษณะที่แตกต่างกันไป โดยหากการเมืองไทยไม่คืบหน้า จะกดดันต่อกระแสเงินทุนไหลออกจากความไม่แน่นอนทางนโยบายที่จะกระทบภาคธุรกิจ ซึ่งถึงวันศุกร์ที่ผ่านมาต่างชาติยังเดินหน้าขายหุ้นไทยกว่า 1.08 แสนลบ. YTD และหากการเมืองไทยเริ่มคืบหน้า นโยบายหาเสียงของพรรคก้าวไกลจะกดดันดัชนีผ่านหุ้นกลุ่มนายทุนใหญ่ ซึ่งเป็น Big Cap ของตลาด อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางปัจจัยลบที่ถาโถม หากดัชนีปรับตัวลงมากในช่วงท้ายไตรมาส จะยิ่งเป็นแรงหนุนให้มีโอกาสเกิด Window Dressing ในสัปดาห์นี้ได้ จึงมองเป็นจังหวะในการเข้าเก็งกำไรในหุ้น Big Cap กลุ่มที่ไม่อิงการเมืองมากนัก สำหรับกลุ่มท่องเที่ยวคาดได้แรงหนุนจาก ก.ท่องเที่ยวฯ คาดสัปดาห์นี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทยแตะ 12 ล้านคน ซึ่งเป็นการฟื้นตัวกลับสู่ช่วงก่อนโควิด
- กลยุทธ์ลงทุน: 1) บาทอ่อน: DELTA, HANA, KCE, PSL, TTA 2) Spending+ท่องเที่ยว: ADVANC, AP, BAFS, MAJOR, SIRI, SYNEX 3) ดอกเบี้ยขาขึ้น: BBL, KBANK, SCB, TLI 4) SET50-SET100: SNNP, WHA และ 5) Window Dressing: BEM, LH, PTTGC, SCGP
ปัจจัยบวก
- นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว คาด 3Q66 ภาคท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวจากนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้า ไทยคาด 2 ล้านคน (เฉลี่ย 2 หมื่นคนต่อวัน) นอกจากนี้ ช่วงปลายปีมีลุ้น นทท.ยุโรปเข้าไทยช่วง High Season
- ธนาคารโลกเปิดเผยรายงานประเมินรายได้และรายจ่ายสาธารณะ พบว่าไทยประสบความเสร็จและเป็นที่รู้จักใน ระดับสากลจากนโยบายประกันสุขภาพถ้วนหน้า
- กลุ่มทหารรับจ้าง Wagner ประกาศยุติการก่อกบฏเพื่อขับไล่รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย “เซอร์เก ชอยกู” ทำให้ชาติ ตะวันตกคลายกังวลการเมืองในรัสเซียที่จะไม่เปลี่ยนขั้ว และจะยังคงไม่มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในสมรภูมิยูเครน กอปรกับสิ่งที่เกิดขึ้น สะท้อนความอ่อนแอของรัสเซีย ทำให้คาดสงครามอาจยุติได้เร็วขึ้น
ปัจจัยลบ
- ปธน.โจ ไบเดน และนายกฯอินเดีย ยกระดับความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างที่นายกฯ อินเดียเยือนทำเนียบขาว ทําให้ภาพของการแบ่งข้างทางการเมืองระดับโลกสูงมากขึ้น
- ดอยซ์แบงก์ ประกาศแผนปลดพนักงานในเยอรมนีลง 10% หรือ 17,000 คน ในฝั่งธุรกิจ Retail Banking
- อังกฤษเผยดัชนี PMI ทั้งภาคการผลิตและบริการต่ำกว่าคาด 46.8 และ 54.5 จุด สู่ระดับ 46.2 และ 52.4 จุด ตามลำดับ เช่นเดียวกับทาง Euro Zone ที่เผย PMI ภาคผลิตและบริการต่ำกว่าคาด 44.8 และ 54.50 จุด สู่ 43.6 และ 52.4 จุด ตามลำดับ
PICKS OF THE DAY
HANA BUY
- เป้าหมาย 45.00 / 46.75 แนวรับ 42.00 / 43.00
- จีนหนุน EV: มาตรการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและขยายเวลามาตรการลดหย่อนภาษีรถยนต์พลังงานใหม่ จะทำให้เศรษฐกิจของจีนเติบโตอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้ HANA ขายอุปกรณ์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และธุรกิจ SiCs ได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ในจีน 16% สูงกว่าหากเทียบกับ KCE ที่ 12% และ DELTA ที่ 13% และด้วยค่าเงิน 2Q66 ที่เฉลี่ยอ่อนค่ากว่าไตรมาสแรก คาดกำไร 2Q66 จะเติบโตขึ้น q-q
- PE ต่ำ: ปัจจุบัน PE 17.6 เท่า ยังต่ำกว่า KCE และ DELTA ที่ 21.8 และ 76.3 เท่า ตามลำดับ
MAJOR BUY
- เป้าหมาย 16.20 / 16.90 แนวรับ 15.20 / 15.50
- หนังใหญ่เยอะ: ช่วง 2Q66 คาดรายได้ฟื้นตัวจากหนังฮอลลีวูดเข้าฉายมากขึ้น โดย Thailand Boxoffice รายงาน 18 มิ.ย. Fast X ทำรายได้แตะ 303 ลบ. นอกจากนี้ยังมีหนังอีกหลายเรื่องเข้าเป้า เช่น Guardians, Transformer เป็นต้น ส่วนครึ่งปีหลังมีหนังฮอลลีวูด 23 เรื่อง โดยหนังฟอร์มใหญ่ 10 เรื่อง คาดหนุนธุรกิจหลักให้เติบโต
- ป๊อบคอร์นน่าจะป๊อบ: ทางบริษัทมีแผนนำป๊อบคอร์นกลับไปขายใน 7-11 ในช่วงปลาย 3Q66 ถึง 4Q66 นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนเพิ่มจำนวนร้านแบบเล็ก (Kiosk) เพื่อรองรับการขายแบบ Delivery และเพิ่มความถี่การเปลี่ยน Bucket Set คอเลคชั่นใหม่เพื่อกระตุ้นยอดขาย