“DOD” ส่งซิกกลุ่มบริษัทในเครือ SHT เสิร์ฟข่าวดี ส่งสารสกัดกัญชง-กัญชา ลัดฟ้าญี่ปุ่นให้ผู้ประกอบการทางการแพทย์ เป็นรายแรกของไทย และ AWL ยอดขายพุ่ง – หนุนปีนี้ธุรกิจกลับมาเทิร์นอะราวด์
บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค “DOD” เสิร์ฟข่าวดี กลุ่มบริษัทในเครือ SHT ร่วมมือกับ PACCAN ส่งออกสารสกัดกัญชง-กัญชา และผลิตภัณฑ์ทิงเจอร์สำหรับหยดใต้ลิ้น ให้ผู้ประกอบการทางการแพทย์เมืองปลาดิบ เป็นรายแรกของประเทศไทย พร้อมระบุมีกลุ่มผู้ประกอบการยา จากเกาหลี สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย เข้ามาเยื่ยมชมโรงงานของ SHT อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งอุตสาหกรรมกัญชง-กัญชา ทางการแพทย์ในประเทศไทย ส่อแววดีมานด์เพิ่มหลังจากมีสถานพยาบาล-ผู้ประกอบการคลีนิก หลายแห่ง ได้นำสารสกัดฯไปใช้รักษาทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ยอดขาย AWL พุ่งกระฉูด ส่อแววทำยอดขายแตะ 250 ล้านบาท มั่นใจผลประกอบการปีนี้เด่น หนุน DOD กลับมาเทิร์นอะราวด์
นายต่อลาภ ไชยเชาวน์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ “DOD” ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (ODM) จากสารสกัดธรรมชาติ เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทฯ ได้แก่ บริษัท สยาม เฮอเบิล เทค จำกัด (“SHT”) ซึ่งบริษัทย่อยของ DODดำเนินธุรกิจโรงสกัดสารสกัดจากกัญชง-กัญชา และพืชสมุนไพรไทย ที่ได้ใบอนุญาตในการผลิตยา ภายใต้มาตรฐาน GMP/ Pharmaceutical Inspection Co-operation Scheme (PIC/S) ซึ่งเป็นมาตรฐานโรงงานผลิตยาตามมาตรฐานสากล จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และนับว่าเป็นบริษัทเอกชนรายแรก ที่สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ CBD ทางการแพทย์ ภายใต้มาตรฐาน PIC/S และกลุ่มพันธมิตรเครือข่าย อย่าง บริษัท แปซิฟิค แคนโนเวชั่น จำกัด (“PACCAN”) ซึ่งดำเนินธุรกิจกัญชาและสมุนไพรครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ รวมถึงยังเป็นผู้วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ CBD (Cannabidiol) ส่วนผสมน้ำมันจากเมล็ดกัญชง (Hemp Seed Oil) และจากโปรตีนเมล็ดกัญชงที่มีสาร Tetrahydrocannabinol (THC) ยังคงเดินหน้าวางกลยุทธ์เพื่อต่อยอดธุรกิจกัญชง-กัญชา ทางการแพทย์ อย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด SHT ได้ผลิตสารสกัดกัญชง-กัญชา ให้กับทาง PACCAN เพื่อส่งออกสารสกัดจากดังกล่าว ให้กลุ่มผู้ประกอบการทางการแพทย์ในประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำไปใช้กับกลุ่มลูกค้าเชิงการแพทย์เท่านั้น ซึ่งการส่งออกสารสกัดกัญชา-กัญชง ในครั้งนี้ถือว่าPACCAN ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรเครือข่ายDOD เป็นรายแรกของประเทศไทยที่มีการส่งออกสารสกัดไปประเทศญี่ปุ่น สำหรับกลุ่มประเภทสารสกัดที่ส่งออก ประกอบด้วย 1.กลุ่มสารสกัดทั้งหมดของกัญชง-กัญชา (น้ำมัน CBD (Cannabidiol) และ THC ( Tetrahydrocannabinol)
และ 2. ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มน้ำมันกัญชาชนิดหยด หรือทิงเจอร์สำหรับหยดใต้ลิ้น ใช้สำหรับผู้ป่วยพาร์กินสัน ผู้ป่วยที่มีอาการนอนไม่หลับ และผู้ป่วยโรคมะเร็งที่กินอาหารไม่ได้ เป็นต้น
พร้อมกันนี้ นายต่อลาภ กล่าวยอมรับว่า ในช่วงที่ผ่านมามีกลุ่มบริษัทผู้ประกอบยาเพื่อการแพทย์ จากประเทศญี่ปุ่น เกาหลี สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย เข้ามาเยี่ยมชมโรงสกัดสารสกัดจากกัญชง-กัญชา ของ SHT อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากโรงสกัดของบริษัท ได้รับใบอนุญาตมาตรฐานโรงงานผลิตยาระดับมาตรฐานสากล จากสำนักงานอย.ที่สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ CBD ทางการแพทย์
“ผู้ประกอบการกลุ่มดังกล่าว ยังมีมุมมองเชิงบวกว่าประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆของทวีปเอเชีย ที่ได้รับการปลดล็อกในเรื่องของกัญชง-กัญชา แม้ว่าต่อมาประเทศอื่นๆมีการปลดล็อกต่อจากไทยก็ตาม แต่ด้วยประเทศไทยเริ่มมีการศึกษา ค้นคว้า ทดลอง และเริ่มลงมือทำก่อน จึงเป็นข้อได้เปรียบ อีกทั้งประเทศไทยยังตั้งอยู่ในทำเลที่สามารถเชื่อมต่อกับหลายๆประเทศ เนื่องจากประเทศไทยเป็น HUB (จุดศูนย์กลาง) ในการผลิตเรื่องของกัญชง-กัญชา ประกอบกับ SHT มีโรงงานที่ตรงตามเกณฑ์ของลูกค้า เพราะเป็นโรงงานที่เป็น medical grade ทำให้การนำเข้าสินค้าไปยังประเทศลูกค้าสามารถทำได้ง่ายขึ้นด้วย”
ขณะที่ตลาดทางการแพทย์ในประเทศไทยยังคงมีดีมานด์การใช้สารสกัดกัญชง-กัญชา ทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงที่ผ่านมา SHT มีการส่ง materialที่เป็นสารสกัดจากกัญชง-กัญชา ไปให้ทั้งสถานพยาบาลและผู้ประกอบการคลีนิกภายในประเทศหลายแห่ง เพื่อจะนำไปใช้รักษาทางการแพทย์ ปัจจุบัน SHT มีกำลังการผลิตเพียงพอต่อการขยายตลาด ดังนั้นจึงดำเนินกลยุทธ์ในการเปิดตลาดใหม่ในต่างประเทศ
“ในปีนี้ DOD คาดว่า บริษัท ออสเวลไลฟ์ จำกัด (“AWL”) เข้ามาหนุน ให้ DOD กลับมาเทิร์นอะราวด์ได้ โดยแบ่งเป็นรายได้จาก AWL คาดว่าจะเข้ามาในปีนี้กว่า 250 ล้านบาท โดยปัจจุบันการ AWL มี 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ 1.AWL DHA algal oil 2.AWL Colostrum เพิ่มภูมิต้านทาน และ 3.AWL Royal Jelly นมผึ้งออสเตรเลีย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ”